หลักสูตร Foundation ของ Trinity College การันตีเข้าเรียนปริญญาตรีที่เมลเบิร์น
- เคล็ดลับการเรียนต่อที่ออสเตรเลีย | เคล็ดลับการเรียนต่อออสเตรเลีย
- June 25, 2022
- One Education
อยากเรียนต่อปริญญาตรีที่ University of Melbourne มหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของประเทศออสเตรเลีย แต่อยากเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อให้มั่นใจว่าจะได้เข้ามหาวิทยาลัยได้ตามที่คาดหวัง พี่ ๆ One Education ขอแนะนำ Trinity College สถาบันเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับนักศึกษาต่างชาติที่ต้องการเข้าเรียนต่อ University of Melbourne โดยเฉพาะ เราทำความรู้จักสถาบันนี้ให้มากขึ้นกันเลย
ทำความรู้จัก Trinity College
เป็นสถาบันการศึกษาที่เปิดสอนหลักสูตร Pathway ที่การันตีการเข้าเรียนต่อปริญญาตรีที่ University of Melbourne ประเทศออสเตรเลีย ดังนั้น หลักสูตรของสถาบันจะเป็นการปูพื้นฐานความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับนักเรียนต่างชาติที่ต้องการเรียนต่อมหาวิทยาลัยเมลเบิร์นโดยเฉพาะ
เรียนกับ Trinity College ดีอย่างไร
การเรียนหลักสูตรปรับพื้นฐานของ Trinity College จะช่วยให้นักเรียนมีความพร้อมและความมั่นใจในการเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ซึ่งเป็น ‘มหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของประเทศออสเตรเลีย’ ได้มากยิ่งขึ้น อาคารที่เราเห็นในรูปภาพด้านล่างคืออาคารเรียนสำหรับหลักสูตร Foundation สำหรับสาย Health ส่วนด้านหลังของอาคารนี้คือมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ดังนั้นการเรียนที่ทรินิตี้คอลเลจ ทำให้นักเรียนอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัย มีความคุ้นเคยกับเดินทางและส่วนต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น
เลือกเรียนต่อที่ University of Melbourne ดีอย่างไร
อันดับแรกเรามาดูการจัดอันดับของมหาวิทยาลัยกันก่อน มหาวิทยาลัยเมลเบิร์นมีชื่อเสียงระดับโลก เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในประเทศออสเตรเลียและอันดับ 33 ของโลกโดย Times Higher Education World University Rankings 2022 ดังนั้น การที่เรามาเรียนที่มหาวิทยาลัยเมลเบิร์นแน่นอนว่าเราจะได้รับปริญญาออสเตรเลีย และเราสามารถสมัครวีซ่าทำงานหลังจบการศึกษาได้เป็นเวลาถึง 2 ปี นั่นก็คือเราจะได้รับเงินเดือนแบบ Full-time เป็นเวลา 2 ปีก่อนที่จะกลับมายังประเทศไทย การเรียนที่มหาวิทยาลัยชั้นนำในออสเตรเลียนั้นเป็นข้อดีเวลาเราหางาน เพราะนายจ้างส่วนใหญ่จะพิจารณาว่าเราจบมาจากมหาวิทยาลัยไหน และการจบจากมหาวิทยาลัยเมลเบิร์นนั้นก็เปรียบเสมือนประตูที่เปิดกว้างสำหรับการหางานที่ใช่ รวมถึงยังสามารถนำความรู้และทักษะที่ได้มาใช้ในการทำงานกับบริษัทและองค์กรที่ประเทศไทยได้อีกด้วย
ในด้านความสำเร็จของบัณฑิต มหาวิทยาลัยเมลเบิร์นได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับ 7 ของโลกในด้านการจ้างงานระดับบัณฑิตศึกษา (Gradate Employability) ดังนั้น เราสามารถทำงานในออสเตรเลียและมีโอกาสทำงานในประเทศอื่น ๆ อย่างสิงคโปร์และสหรัฐอเมริกาได้
มหาวิทยาลัยเมลเบิร์นมีวิทยาเขตที่ใหญ่มาก มีนักศึกษามากกว่า 50,000 คนเลือกมาเรียนที่นี่และมากกว่า 40% เป็นนักศึกษาต่างชาติจากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก ดังนั้นมหาวิทยาลัยเมลเบิร์นจึงมีความหลากหลายของวัฒนธรรมและสังคม เราจะได้เรียนกับนักเรียนจากทั่วทุกมุมโลกและเรียนรู้สิ่งใหม่จากผู้คนที่มีความคิดและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ทำให้เราสามารถนำประสบการณ์จากการทำงานร่วมกับคนหลากหลายเชื้อชาติไปใช้ในที่ทำงานหลังจากสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาได้ดี
นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยเมลเบิร์นยังมีความยืดหยุ่นในด้านหลักสูตร เพราะมีสาขาวิชาหลากหลายให้เลือกเรียนตามความสนใจของนักศึกษา เช่น วิทยาศาสตร์ วิทยาการคอมพิวเตอร์ ไอที วิทยาศาสตร์สุขภาพ และ วิศวกรรมศาสตร์ เป็นต้น
มหาวิทยาลัยเมลเบิร์นมีหลายสาขาวิชาที่ได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศ เช่น ทันตแพทยศาสตร์ วิทยาการคอมพิวเตอร์ บัญชีและการเงิน บริหารธุรกิจ การแพทย์ และกฎหมาย เมลเบิร์นไม่เพียงแต่ติดอันดับต้น ๆ ของประเทศเท่านั้น แต่สาขาวิชาของที่นี่ยังได้รับการจัดอันดับในอันดับต้น ๆ ของโลก เช่น อันดับที่ 6 ด้านกฎหมาย และ อันดับที่ 17 ด้านการแพทย์ รวมถึงยังมีอีกหลายสาขาที่ติดอันดับ Top 20 – Top 40 ของโลกอีกด้วย
เรียนต่อปริญญาตรีที่ University of Melbourne
หลักสูตรปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยเมลเบิร์นมีหลากหลายสาย ได้แก่
- Agriculture
- Arts
- Biomedicine
- Commerce
- Design
- Fine Arts
- Music
- Oral Health
- Science
อย่างไรก็ตาม เมลเบิร์นไม่ได้เปิดสอนหลักสูตรปริญญาตรีที่เจาะจงในด้านการเงินหรือบัญชี แต่เปิดสอนหลักสูตร Commerce ซึ่งนักเรียนสามารถเลือกเรียนวิชาเอกทางด้านการเงิน เศรษฐศาสตร์ บัญชี หรือการจัดการได้
🟢 สนใจเรียนหลักสูตร Foundation Studies ที่ Trinity College สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสมัครเรียนกับพี่ ๆ One Education ได้เลย เราเป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการ ยินดีให้คำปรึกษาและบริการทุกขั้นตอนฟรี Add Line: @one-edu หรือ คลิกกรอกแบบฟอร์ม
หลักสูตร Foundation Studies ของ Trinity College
Trinity College Foundation Studies (TCFS) เป็นหลักสูตรที่จะช่วยให้นักเรียนต่างชาติได้เข้าเรียนต่อปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยเมลเบิร์นได้อย่างตั้งใจ หลักสูตรมีมาตรฐาน ได้รับการยอมรับคุณภาพในระดับสากล นอกจากนี้ การเรียนการสอนและหลักสูตรยังได้รับการดูแลโดยมหาวิทยาลัยเมลเบิร์นโดยตรง
เกณฑ์รับสมัครหลัก ๆ ของ Trinity College Foundation Studies คือ ผลการเรียนระดับมัธยมปลาย ซึ่งทางสถาบันค่อนข้างเข้มงวดกับข้อกำหนดนี้มาก แต่ข้อดีของการเรียนที่ทรินิตี้คอลเลจ คือเราจะได้เรียนที่อาคาร Foundation Studies ซึ่งอยู่ในวิทยาเขตของ University of Melbourne เลย นั่นหมายความว่าเราสามารถสำรวจดูมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น รวมถึงใช้สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยได้ เช่น โรงยิม คาเฟ่ และ ห้องสมุด ทำให้เราค่อย ๆ ทำความรู้จักกับมหาวิทยาลัยระหว่างที่เรียนหลักสูตร Foundation จนถึงเวลาที่เราต้องเรียนปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ทำให้เราไม่ต้องปรับตัวมาก เพราะเรารู้จักเส้นทาง อาคาร และห้องเรียนของมหาวิทยาลัยมาบ้างแล้ว
ข้อดีอีกอย่างของการเรียนที่นี่ คือ ที่นี่มีชั้นเรียนขนาดเล็ก แต่ละชั้นเรียนจะมีนักเรียนสูงสุด 15 คนต่อครู 1 คน ซึ่งทำให้เรามีโอกาสได้ทำความรู้จักกับเพื่อนในชั้นเรียนและคุณครูเป็นอย่างดี ได้ทำงานกลุ่มขนาดเล็ก ร่วมอภิปรายในชั้นเรียน และมีโอกาสแสดงความคิดเห็นของเราโดยไม่ต้องรู้สึกเขินอาย และนี่เป็นวิธีที่ดีมากที่เราจะได้เรียนรู้และพัฒนาตัวเองอย่างแท้จริง
ในประเทศไทย มีหลักสูตรการเรียนหลากหลายประเภท เช่น GCSE, IB และ มัธยมปลาย ซึ่งหลักสูตรแต่ละประเภทมีวิธีการสอนที่แตกต่างกัน ดังนั้นการเรียนที่ Trinity College จะช่วยปูพื้นฐานและเติมเต็มความรู้ที่ขาดหายไปเพื่อให้มีความพร้อมในการเรียนปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยเมลเบิร์นได้อย่างมั่นใจ
🏆 1 ใน 4 ของนักเรียนต่างชาติที่เรียนมหาวิทยาลัยเมลเบิร์นผ่านการเรียนหลักสูตร Foundation ของ Trinity College
นอกเหนือจากความรู้ที่เราจะได้จากหลักสูตร Foundation แล้ว เรายังได้เพื่อนที่เรียนจากทรินิตี้คอลเลจที่ไปเรียนหลักสูตรเดียวกันที่มหาวิทยาลัยเมลเบิร์นด้วย โดยนักศึกษากว่า 70% ได้ผ่านการคัดเลือกเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น แต่ถ้าเราไม่สามารถเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเมลเบิร์นได้ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่สามารถเรียนมหาวิทยาลัยของออสเตรเลียได้ คะแนน TCFS นั้นได้รับการยอมรับจากมหาวิทยาลัยทุกแห่งในประเทศออสเตรเลีย ดังนั้นเราสามารถใช้คะแนนของ Trinity College Foundation Studies ในการเข้าเรียนต่อปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยชั้นนำแห่งอื่นในประเทศออสเตรเลียได้
สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่เราต้องเข้าใจก่อนมาเรียนคือ ทรินิตี้คอลเลจไม่ใช่โรงเรียน ดังนั้นการเรียนการสอนของที่นี่จะมีโครงสร้างเหมือนกับการสอนในมหาวิทยาลัย อย่างเช่นการบรรยายที่เห็นตามภาพด้านล่างเป็นการบรรยายที่ทรินิตี้คอลเลจ ซึ่งเราจะได้เข้าร่วมฟังการบรรยายพร้อมกับนักเรียน 200 – 300 คน
โครงสร้างการเรียนของสถาบันจะแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ การฟังบรรยาย (Lecture), การเรียนแบบ Tutorial และ การฝึกปฏิบัติ การฟังบรรยายจะใช้เวลาประมาณ 90 นาที ซึ่งเราจะนั่งรวมกันในห้อง Lecture ขนาดใหญ่ซึ่งจะไม่มีการโต้ตอบในห้องเรียนมากนัก แต่ถ้าเป็นการเรียนแบบ Tutorial จะเป็นการแบ่งกลุ่มนักเรียน โดยเฉลี่ยจะมีนักเรียนประมาณ 50 คนต่อคุณครู 1 คน การเรียนแบบนี้จะทำให้เราได้มีส่วนร่วมในชั้นเรียนมากขึ้น เพราะเราสามารถถามคำถาม ขอคำแนะนำจากคุณครู และ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวข้อที่เราฟังบรรยายไปในห้อง Lecture สำหรับการเรียนแบบปฏิบัติ เราจะได้ทำกิจกรรมและการทดลองกับเพื่อนในชั้นเรียน
อย่างที่บอกไปว่าการเรียนที่ Trinity College นั้นไม่เหมือนกับการเรียนในโรงเรียนที่เราจะมีตารางเรียนแน่ชัดทั้งคลาสเรียน ช่วงพักเบรค และพักกลางวัน ตารางการเรียนของสถาบันจะขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกเรียนวิชาอะไร และตารางของเราอาจไม่เหมือนกับเพื่อนในชั้น ตัวอย่างเช่น เรามีชั้นเรียนในวันจันทร์เพื่อเข้าร่วมฟัง Lecture และ เข้าคลาส Tutorials แต่วันถัดมาเราอาจจะมีเรียนแค่ช่วงบ่ายเท่านั้น แน่นอนว่าเรามาที่เมลเบิร์นเพื่อการศึกษาเป็นเป้าหมายหลัก แต่เราต้องเรียนรู้การใช้ชีวิตด้วยตัวเองเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของ ทำอาหาร การทำความสะอาดห้อง และการเข้าสังคมกับเพื่อน ๆ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ เราไม่สามารถเป็นนักเรียนที่เรียนได้ตลอดเวลาเพราะจะทำให้เรารู้สึกเหนื่อยเร็ว ดังนั้นเราควรหาเวลาพักผ่อน ใช้ชีวิตพบปะผู้คนและเพื่อนฝูงบ้าง แต่ถ้าเราไม่เคยจัดการสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเองมาก่อน นี่เป็นโอกาสดีที่เราจะเรียนรู้ที่ทรินิตี้คอลเลจ เพราะเราจะเข้าใจตัวเองมากขึ้น รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร รู้ว่าอะไรที่ดีที่สุดสำหรับตัวเรา บางทีเราอาจจะรู้ว่าตัวเองเป็นคนที่ชอบเรียนตอนเช้าหรือไม่ก็ชอบเรียนกลางคืนก็ได้ ดังนั้นการรู้จักตัวเองทำให้เราสามารถปรับตัวได้ง่ายเวลาเรียนในระดับมหาวิทยาลัย
สิ่งอำนวยความสะดวกของ Trinity College
สถาบันมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยและครบครัน อย่างอาคาร Gateway ตามภาพด้านล่าง เป็นอาคารเรียนสำหรับหลักสูตร Foundation ของสาย Health ที่สร้างขึ้นในปี 2559 เป็นอาคารใหม่และมีอุปกรณ์การสอนที่ทันสมัย เราจะเรียนกับ iPad อย่างเช่น เวลาที่เราต้องทำแบบทดสอบในชั้นเรียน เราสามารถทำผ่าน iPad ได้เลย ซึ่งการเรียนวิธีนี้จะเป็นการเรียนการสอนแบบเดียวกันกับที่ใช้ในมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ดังนั้น การเรียนที่ Trinity College จะช่วยเราปรับตัวและการเรียนให้พร้อมสู่การเรียนระดับมหาวิทยาลัยได้อย่างไร้กังวล
ทักษะที่ได้จากการเรียนที่ Trinity College
การมีส่วนร่วม เราจะได้มีโอกาสพูดและถามคำถามในชั้นเรียน ซึ่งเป็นการสนับสนุนให้นักเรียนมีความกล้าแสดงออก กล้าถามในสิ่งที่ไม่รู้ และ แสดงความคิดที่แตกต่างออกไป ซึ่งนี่เป็นส่วนสำคัญของการเรียนรู้
การเขียนเชิงวิชาการ ทักษะนี้มีความสำคัญมาก แน่นอนว่าเราเป็นนักเรียน เราต้องเขียนเรียงความมากมายในโรงเรียน แต่การเขียนเชิงวิชาการนั้นไม่เหมือนกับการเขียนเรียงความทั่วไป เพราะการเขียนเชิงวิชาการเป็นการเขียนขั้นสูง ซึ่งต้องมีความกระชับและตรงประเด็น
การคิดเชิงวิพากย์ (Critical Thinking) ที่นี่จะมีวิชาที่เรียกว่า “History of Ideas” ซึ่งเป็นการเรียนเกี่ยวกับการคิดเชิงวิพากษ์ การมีมุมมองที่แตกต่างกัน การโต้แย้งและแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างจากผู้อื่น แน่นอนว่าการมีความคิดเห็นที่ต่างกันไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่เราต้องรู้วิธีการโต้แย้งความคิดเห็นของเราด้วยหลักฐานหรือข้อมูลที่ถูกต้องด้วย
การทำวิจัย การทำวิจัยไม่ใช่การค้นหาใน Google หรือ Wikipedia แต่อย่างใด แต่เป็นการที่เราจะต้องใช้คลังวารสารและแหล่งที่ข้อมูลที่เหมาะสม ดังนั้น Trinity College จะสอนให้เราทำการวิจัยในรูปแบบที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นในการเรียนที่มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น
แนวคิดที่ท้าทายและการหาคำตอบที่ถูกต้อง ก่อนหน้านี้เราได้รู้แล้วว่าเราไม่จำเป็นต้องมีความคิดเห็นที่เหมือนกันหรือเห็นด้วยกับทุกสิ่งที่เราอ่าน มันเป็นเรื่องปกติที่เราจะมีมุมมองที่แตกต่างออกไป เพราะสิ่งนี้มันเป็นสิ่งที่ทั่วโลกเป็นอยู่ในปัจจุบัน
การพูดในที่สาธารณะ นักศึกษาทุกคนของทรินิตี้คอลเลจจะได้เรียนวิชาการแสดงละคร ซึ่งเป็นวิชาบังคับ วิชานี้จะช่วยฝึกความสามารถในการสื่อสารกับผู้อื่น การทำงานร่วมกัน และการพูดอย่างมั่นใจและชัดเจน วิชานี้ยังเป็นองค์ประกอบหลักของการศึกษาของมหาวิทยาลัย เพราะเราจะได้ใช้อย่างแน่นอนไม่ว่าจะเรียนสาขาไหนก็ตาม
ต้องเรียนวิชาอะไรบ้าง
เราจะได้เรียน 5 วิชา ซึ่งมี 2 วิชาหลัก คือ English และ History of Idea
- วิชา English จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ วรรณคดีอังกฤษ (เน้นทักษะการเขียนเชิงวิชาการ) บทละคร (เน้นทักษะการพูดในที่สาธารณะ) และ ภาษาอังกฤษเพื่อการศึกษา (สอนเกี่ยวกับการอ้างอิง)
- วิชา History of Idea เป็นวิชาที่สำคัญในการสร้างทักษะการคิดวิเคราะห์ และการแสดงความคิดเห็นโดยใช้ข้อมูลเป็นหลักฐานเพื่อความคิดของเรา
นอกจากนี้ เรายังมีวิชาเลือกเสรีด้วย โดยวิชาเลือกนั้นจะขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกเรียนหลักสูตรปริญญาตรีสายอะไร ตัวอย่างเช่น สนใจเรียนต่อด้าน Biomedicine วิชาที่ต้องเลือกเรียนคือ Mathematics 1 และ Chemistry แต่ถ้าต้องการเรียนด้านพาณิชยศาสตร์หรือธุรกิจ ก็ต้องเลือกเรียน Mathematics 1 อย่างไรก็ตาม เราไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเลือกวิชาไหนเพราะเราจะได้เลือกวิชาเหล่านี้ในช่วงสัปดาห์ปฐมนิเทศ (Orientation Week)
🟢 สนใจเรียนหลักสูตร Foundation Studies ที่ Trinity College สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสมัครเรียนกับพี่ ๆ One Education ได้เลย เราเป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการ ยินดีให้คำปรึกษาและบริการทุกขั้นตอนฟรี Add Line: @one-edu หรือ คลิกกรอกแบบฟอร์ม
TCFS หลักสูตรที่การันตีการเรียนต่อปริญญาตรีที่ University of Melbourne
การเรียนที่ Trinity College การันตีการเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเมลเบิร์นได้อย่างไร? การเรียนที่นี่ นักเรียนจะได้เรียน 5 วิชาและ จะใช้คะแนนเฉลี่ยของ 4 วิชาที่ได้คะแนนดีที่สุด โดยค่าเฉลี่ยที่ได้ ทางสถาบันจะนำไปคำนวณเป็นเปอร์เซ็นต์ ซึ่งนักเรียนไม่จำเป็นต้องได้คะแนนเต็ม 100% แต่จะต้องได้คะแนนขั้นต่ำ ตัวอย่างเช่น ถ้านักเรียน A ได้คะแนน 80% และนักเรียน B ได้ 90% และนักเรียนทั้งคู่ต้องการเรียนปริญญาตรีสายวิทยาศาสตร์ นักเรียนทั้ง 2 คนสามารถเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยเมลเบิร์นได้ วิชาบังคับเบื้องต้น 5 วิชา ได้แก่ Agriculture, Arts, Biomedicine, Commerce, Design และ Science
ชมรมนักศึกษา
สถาบันมีสโมสรและคลับโดยเฉพาะ แต่เราก็สามารถสมัครเข้าร่วมชมรมหรือคลับของมหาวิทยาลัยเมลเบิร์นได้เช่นกัน ที่มหาวิทยาลัยเมลเบิร์นมีชมรมนักศึกษาไทยที่เราจะได้รู้จักกับรุ่นพี่และเพื่อนคนไทยต่างคณะ เราสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล ขอคำแนะนำ และร่วมกิจกรรมที่ทางชมรมจัดได้
กิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัย
ทรินิตี้คอลเลจมีกิจกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวันตรุษจีน วันคริสต์มาส และอื่น ๆ อีกมากมายตลอดทั้งปี กิจกรรมเหล่านี้ทำให้เราได้รู้จักกับเพื่อนต่างชั้นเรียนต่างคณะในรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกัน
เมือง Melbourne ดียังไง
เมลเบิร์น เป็นเมืองที่น่าอยู่อันดับ 2 ของโลก เป็นเมืองที่มีความปลอดภัย มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและสังคม มี Hub สำหรับนักเรียนต่างชาติ เมืองเมลเบิร์นเต็มไปด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งกิจกรรมทางด้านกีฬา วัฒนธรรม อาหาร กาแฟ และงานศิลปะมากมาย นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่สีเขียวและพื้นที่กลางแจ้งมากมาย เราสามารถนั่งรถรางจากใจกลางเมืองเมลเบิร์นไปยังชายหาดที่ใกล้ที่สุดได้ภายใน 30 นาทีเท่านั้น และสามารถไปยังย่านธุรกิจของเมลเบิร์นจาก Trinity College ได้เพียง 10 นาทีโดยรถราง
📝 ขอบคุณข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ของ Trinity College
🟢 สนใจเรียนหลักสูตร Foundation Studies ที่ Trinity College สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสมัครเรียนกับพี่ ๆ One Education ได้เลย เราเป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการ ยินดีให้คำปรึกษาและบริการทุกขั้นตอนฟรี
Add Line: @one-edu
คลิกกรอกแบบฟอร์ม เพื่อให้พี่ ๆ One Education ติดต่อกลับ
โทรสอบถาม: 02-652-0718
One Education | Study Abroad. Simplified ให้ทุกเรื่องการเรียนต่อต่างประเทศของคุณเป็นเรื่องง่ายครบในที่เดียว
ตามทันทุกข้อมูลการเรียนต่อ UK & Australia
Facebook: One Education
Instagram: oneeducationthailand
Twitter: One Education
YouTube: One Education
บทความล่าสุด
5 เหตุผลดีๆ ทำไมต้องเลือกเรียนต่อที่ University of Southampton เรียนต่อเภสัชที่อังกฤษกับ University of Sunderland บอกต่อ 6 หลักสูตรปริญญาโทน่าเรียนที่ Nottingham University Business School ข่าวดี! รัฐบาลออสเตรเลียเลื่อนประเทศไทยขึ้น Level 2 แนะนำ 5 หลักสูตรยอดฮิตของ Oxford Brookes Universityหมวดหมู่
เรื่องเล่าจากรุ่นพี่
เคล็ดลับการเรียนต่ออังกฤษ
เคล็ดลับการเรียนต่อออสเตรเลีย
หลักสูตรยอดนิยม
ทุนการศึกษา
โปรโมชั่นเรียนภาษา