แชร์ประสบการณ์ การเดินทางไปเรียนต่อที่ UK ในสถานการณ์โควิด-19 ปี 2021/2022
- เรื่องเล่าจากรุ่นพี่ | เรื่องเล่าจากรุ่นพี่
- September 30, 2021
- One Education
น้อง ๆ ที่กำลังจะเดินทางไปเรียนต่อที่ UK หรือมีแพลนว่าอยากจะไปเรียนรอบมกราคม 2022 แต่ไม่แน่ใจว่าจะเดินทางไปเรียนได้อย่างไร ต้องใช้เอกสารอะไร และมีขั้นตอนอะไรบ้าง ลองมาอ่านรีวิวที่น้องวิน นักเรียนของ One Education ที่มาแชร์ประสบการณ์ตรงในการเดินทางไปเรียนต่อ UK ในช่วงโควิดให้เพื่อน ๆ ได้เตรียมตัวกัน
1. เริ่มเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ
ผมขอยกตัวอย่างไฟลท์เดินทางของผมนะครับ ไฟล์ทของผมคือ TG910 เครื่องขึ้นเวลา 00.55 (เดินทางวันที่ 12 กันยายน 2021) ผมไปถึงสนามบินสักประมาณ 21.00 น. อาจจะดูเผื่อเวลาเยอะนะครับ แต่ผมคิดว่าเหลือเวลาไว้ดีกว่า เพราะเจ้าหน้าที่ต้องตรวจเอกสารก่อนการเดินทางค่อนข้างมากและเคาน์เตอร์ในสนามบินก็เปิดน้อยครับ อย่างสายการบินไทย เค้าเปิดแค่เคาน์เตอร์ A ส่วนเอกสารที่ต้องใช้มีดังนี้ครับ (ผมแนะนำให้ปริ้นท์ออกมาเลยเพราะต้องใช้หลายครั้งครับ)
1) Passport + Visa
2) Air Ticket
3) ผลตรวจโควิด-19 (ในส่วนนี้แล้วแต่สายการบินว่าต้องการผลตรวจอะไรบ้าง ควรตรวจสอบกับสายการบินอีกทีนะครับ)
4) Passenger locator form (ควรกรอกก่อนบิน 48 ชม.)
5) ใบจองกักตัว (CTM) สามารถยกเลิกหรือเลื่อนได้ แต่แนะนำควรดำเนินการก่อนวันที่เข้าพัก 48 ชม. ไม่อย่างนั้นจะโดนค่าปรับ 200 ปอนด์ หรือราว ๆ 9,200 บาทครับ
หลังจากเจ้าหน้าที่สายการบินตรวจเอกสารและโหลดกระเป๋าสัมภาระเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาร่ำลากับครอบครัว ญาติ หรือเพื่อน ๆ เป็นครั้งสุดท้าย พอร่ำลากันเสร็จ ก็เดินขึ้นบันไดเลื่อนขาออกระหว่างประเทศบริเวณกลางอาคารผู้โดยสาร ตรงนี้ใช้เวลาไม่นานก็ผ่านขั้นตอน ตม. แล้วก็เดินไปรอที่ gate เพื่อขึ้นเครื่องได้เลยครับ ผมที่ผมไปร้านค้าในสนามบินเปิดน้อยมาก ดังนั้นไม่ต้องเผื่อเวลามาเดินซื้อของกันนะครับ
2. ไปจนถึงรอเข้า ตม.
ก่อนลงจากเครื่องให้เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย เพราะขั้นตอนหลังจากลงเครื่องจนรับกระเป๋าจะไม่มีห้องน้ำให้เข้า อีกอย่างสามารถเปลี่ยนซิมที่ UK รอไว้ได้เลยครับ
เจ้าหน้าที่สายการบินจะให้ทยอยลงทีละแถว เมื่อเดินออกจากเครื่องบินแล้วจะถูกบังคับให้ลงบันไดหนีไฟเพื่อออกนอกอาคารไปขึ้นรถ coach ของสนามบิน เพราะเครื่องบินลง Terminal 2 แต่ ตม. สำหรับประเทศไทยที่อยู่ใน red list country จะอยู่ Terminal 4 ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 10-15 นาทีก็จะถึง Terminal 4 เพื่อเข้าสู่ด่านการตรวจคนเข้าเมืองครับ
// ไฮไลท์ //
ขั้นตอนในส่วนนี้จะช้าหรือเร็วจะขึ้นอยู่กับด่าน ตม. นี่แหละครับ ของผมใช้เวลากว่า 45 นาทีถึงจะผ่านด้านตรงนี้ไปได้ ส่วนเอกสารก็เหมือนกับที่เรายื่นให้เจ้าหน้าที่สายการบินที่ไทย เพียงแต่ไม่ต้องมี air ticket เจ้าหน้าที่เขาจะตรวจเอกสารและสอบถามเล็กน้อย เช่น มาทำอะไร เรียนที่ไหน เป็นต้น
3. ขึ้นรถ coach
เมื่อเสร็จจากขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง ให้เดินไปตามทางที่กำหนด ไม่หลงแน่นอนครับ เพราะมีเจ้าหน้าที่คอยบอกทางตลอด ลงบันไดเลื่อนไป แล้วเตรียมเอกสาร CTM ไว้ จากนั้นต่อคิวเพื่อยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบว่าเราจะได้ขึ้นรถสีอะไร เช่น ถ้าโซนในตัวเมือง London จะเป็นสีฟ้า เป็นต้น หลังจากนั้นผมได้เอกสารใบเล็ก ๆ เท่ากับกระดาษโน้ตขอบสีตามรถที่ต้องไปขึ้น จากนี้ก็สามารถไปเข้าห้องน้ำและรับกระเป๋าได้เลย
4. เดินทางไปยังโรงแรมกักตัว
ตรงนี้เราจะได้ลงก่อนหรือหลัง จะขึ้นอยู่กับคิวของโรงแรมที่จะได้พักครับ เมื่อผมรับกระเป๋าแล้วก็เดินไปต่อคิวเพื่อรอเรียกขึ้นรถตามสี เมื่อถูกเรียกก็เดินไปยังรถ coach เก็บกระเป๋าใบใหญ่ไว้ใต้รถ ส่วนกระเป๋าใบเล็กสามารถนำติดไว้กับตัวได้ครับ แต่อย่าลืม passport และ CTM ด้วยนะครับ
พอขึ้นรถแล้วจะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบเอกสารทั้ง 2 อย่างอีกครั้ง ผมก็นั่งยาว ๆ จนถึงโรงแรมที่พักกักตัว เจ้าหน้าที่บนรถจะลงไปติดต่อโรงแรม เสร็จแล้วจึงจะเรียกลงจากรถไปรับกระเป๋า เข้าโรงแรมครับ
5. ห้องโรงแรมที่ Quarantine เป็นยังไงบ้าง
ผมไม่แน่ใจว่าแต่ละโรงแรมเหมือนกันหรือเปล่านะครับ แต่โรงแรมที่ผมเข้าพักปฏิบัติแบบนี้ คือ เข้ามาแล้วจะมีเอกสารของโรงแรมให้อ่านเกี่ยวกับการกักตัว ผมต้องเตรียม passport และ CTM ให้เจ้าหน้าที่โรงแรมเช่นเดิม อ่านจบก็แจ้งเจ้าหน้าที่โรงแรม เขาจะนำเอกสารมาให้กรอกเพื่อเข้าพักและเลือกเมนูอาหารสำหรับ 10 วันที่กักตัวเลย พอเสร็จขั้นตอนทุกอย่างตรงนี้ ผมก็ขึ้นห้องพักสำหรับกักตัว หากจะออกมาข้องนอกหรือจะสั่งอาหารเข้าไปกินที่โรงแรท ให้อ่านเอกสารที่โรงแรมแจกหรือสอบถามกับเจ้าหน้าที่โรงแรก็ได้ครับ
// ข้อควรรู้ // วันแรกที่เข้าพักจะเรียกว่า Day 0 ส่วนอาหารโรงแรม แล้วแต่โรงแรมที่พักเลยครับ ถ้าอาหารอร่อยไม่ถูกปาก เราก็สั่งมาจากข้างนอกได้ครับ
6. เมื่อกักตัวจนครบ 10 วัน
คืนวันที่ 10 จะมีเจ้าหน้าที่โรงแรมโทรมายืนยันเวลาที่เราออก หรือถ้าไม่มีก็โทรไปแจ้งเขาเลยว่าจะออกช่วงไหน เราสามารถออกจากโรงแรมกักตัวได้ตั้งแต่เวลา 00.01 ของวันที่ 11 แล้วแต่เราสะดวก ส่วนผมวางแผนไว้จะออกช่วงเช้าหลังรับประทานอาหารเช้าก่อน (เราสามารถแจ้งว่าจะขอรับประทานอาหารเช้าก่อนเวลาปกติได้ ทั้งนี้ ขึ้นกับโรงแรมว่าจะสามารถจัดให้ได้หรือไม่นะครับ) พอถึงเวลาจะมีเจ้าหน้าที่มาพาเราไปจากห้องลงไปที่ lobby เพื่อเคลียร์เอกสารต่าง ๆ และแจ้งชื่อออกจากโรงแรมกักตัว หลังจากนี้ไปก็คืออิสระอย่างแท้จริงแล้วครับ เย่!!
7. เดินทางไปยังหอพักนักศึกษา
ผมใช้บริการเรียกรถแท็กซี่ผ่านแอพชื่อว่า Bolt (แอพประเภทเดียวกับ Uber และ Grab) จ่ายเงินผ่านบัตรเดบิดที่ผูกไว้ รอรถมารับเพื่อเดินทางไปหอพักนักศึกษาได้เลย จากโรงแรมใช้เวลาประมาณ 20-30 นาทีก็ถึงหอพักแล้วครับ
ถือว่าเป็นการจบช่วงเวลาเดินทางจากประเทศไทยจนถึงหอพักนักศึกษา ซึ่งใช้เวลา 12 วันเต็ม ผมก็หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ ทุกคนที่กำลังจะเดินทางมาศึกษาต่อที่ UK ในช่วงเวลา Covid นะครับ
รีวิวโดย น้องวิน
แถมช่วงท้าย! ผมมีภาพหอพักแบบ Studio (The Curve London) ทั้งภายในและภายนอกหอพักมาฝากเพื่อน ๆ กันด้วยครับ
สนใจเรียนต่ออังกฤษ สอบถามข้อมูลหลักสูตร การรับสมัคร และสมัครเรียนได้กับทีมงาน One Education ตัวแทนมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการ เรายินดีบริการและดูแลเรื่องเรียนต่อ UK ครบทุกขั้นตอนฟรี
Add Line: @one-edu
คลิกกรอกแบบฟอร์ม เพื่อให้พี่ ๆ One Education ติดต่อกลับ
โทรสอบถาม: 02-652-0718
One Education | Study Abroad. Simplified ให้ทุกเรื่องการเรียนต่อต่างประเทศของคุณเป็นเรื่องง่ายครบในที่เดียว
ตามทันทุกข้อมูลการเรียนต่อ UK & Australia
Facebook: One Education
Instagram: oneeducationthailand
Twitter: One Education
YouTube: One Education
บทความล่าสุด
รวมลิสต์! ทุนเรียนต่อออสเตรเลียปี 2025 แนะนำ School of Education and Childhood ที่ UWE Bristol ประกาศสำคัญ! ออสเตรเลียจำกัดโควตารับนักเรียนต่างชาติในปี 2025 แนะนำมหาวิทยาลัยเรียนต่อปริญญาโทสาขาแพทย์ผิวหนัง (Clinical Dermatology) ที่ประเทศอังกฤษ เรียนพร้อมฝึกงานที่ออสเตรเลียกับ Academia Internationalหมวดหมู่
เรื่องเล่าจากรุ่นพี่
เคล็ดลับการเรียนต่ออังกฤษ
เคล็ดลับการเรียนต่อออสเตรเลีย
หลักสูตรยอดนิยม
ทุนการศึกษา
โปรโมชั่นเรียนภาษา