ใครว่าโลเคชั่นไม่สำคัญ! มาดู 5 ปัจจัยในการเลือกเรียนต่อมหาวิทยาลัยใน UK

การได้ไปเรียนต่อที่สหราชอาณาจักรถือเป็นเรื่องน่าตื่นตาตื่นใจและเปลี่ยนชีวิตใครหลาย ๆ คนได้เลย แต่ก่อนที่จะได้ไปเรียนต่อนั้น ก็ต้องผ่านด่านการเลือกมหาวิทยาลัยที่นับว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องยาก เพราะถ้าเราไม่ได้มีมหาวิทยาลัยในใจอยู่แล้ว อาจเกิดการสับสนว่าจะต้องเริ่มตรงไหนก่อนดี ในบทความนี้ พี่ ๆ One Education จะพาน้อง ๆ ไปสำรวจกันว่าปัจจัยในการเลือกมหาวิทยาลัยที่ใช่มีอะไรบ้าง พร้อมแล้วมาอ่านต่อกันเลย

1. หลักสูตรที่มหาวิทยาลัยเปิดสอน 

แน่นอนว่าสิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงก่อนเลือกมหาวิทยาลัย นั่นก็คือ ‘หลักสูตร’ ที่สนใจหรือต้องการเรียนต่อ เมื่อได้หลักสูตรในใจแล้วก็ต้องมาดูกันต่อว่ามหาวิทยาลัยไหนบ้างที่เปิดสอนหลักสูตรนี้ รวมถึงวิธีการสอนของแต่ละมหาวิทยาลัย รายวิชา และคุณภาพของหลักสูตรนั้น ๆ ว่าได้รับการรับรองจากสถาบันที่น่าเชื่อถือหรือไม่ เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนมีผลในการต่อยอดอาชีพของน้อง ๆ ในอนาคต 

2. การจัดอันดับของมหาวิทยาลัย

การจัดอันดับของมหาวิทยาลัยถือเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่สำคัญและมีประโยชน์มาก ๆ ในการเลือกมหาวิทยาลัยสำหรับการเรียนต่อ เนื่องจากอันดับของมหาวิทยาลัยสามารถบ่งบอกได้ถึงคุณภาพของผลงานวิจัย ความพึงพอใจของนักศึกษา และอัตราการจ้างงานหลังเรียนจบของบัณฑิต น้อง ๆ ควรทำการค้นคว้าและเปรียบเทียบอันดับของแต่ละมหาวิทยาลัยเพื่อช่วยในการตัดสินใจว่ามหาวิทยาลัยไหนตอบโจทย์ความต้องการและตรงกับเป้าหมายในอนาคตของน้อง ๆ มากที่สุด 

3. บริการช่วยเหลือนักศึกษา

ทุกมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรล้วนแล้วแต่มีบริการช่วยเหลือนักศึกษา (Student Support) ดังนั้นน้อง ๆ ควรศึกษาว่าแต่ละมหาวิทยาลัยมีบริการอะไรที่จัดไว้ให้นักศึกษาบ้าง เช่น ความช่วยเหลือด้านการเรียน ความช่วยเหลือด้านสุขภาพจิต หรือแม้กระทั่งบริการช่วยเหลือผู้พิการ (ในกรณีที่นักศึกษาต้องการความช่วยเหลือพิเศษ) นอกจากนี้กิจกรรมสำหรับนักศึกษา เช่น คลับหรือชมรมของมหาวิทยาลัย ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ควรรับไว้พิจารณา เพราะการเข้าร่วมกิจกรรมเหล่านี้ นอกจากจะช่วยขยายคอนเนคชั่นแล้ว ยังช่วยให้น้อง ๆ ได้พัฒนาทักษะนอกห้องเรียน หรือที่เรียกกันว่า Soft Skills อีกด้วย 

4. ค่าเล่าเรียนและแหล่งเงินทุนสำรอง

อีกหนึ่งปัจจัยหลักที่ขาดไม่ได้เลย คือ ‘ค่าใช้จ่าย’ ที่น้อง ๆ ต้องคำนึงตั้งแต่การสมัครเรียน การลงทะเบียน ค่าเทอม ค่าที่พัก และค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน นอกจากมองในเรื่องรายจ่ายแล้ว การมองหารายรับหรือแหล่งเงินทุนสำรอง เช่น ทุนการศึกษา เงินช่วยเหลือบางส่วน หรือเงินทุนกู้ยืม ก็ถือเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของน้อง ๆ ไปได้ไม่น้อยเลย 

5. ที่ตั้งของมหาวิทยาลัย 

นอกจากการเลือกมหาวิทยาลัย การเลือกโลเคชั่นหรือที่ตั้งของมหาวิทยาลัยก็สำคัญไม่แพ้กัน ดังนั้น เรามาดูไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าว่าเมืองน่าเรียนในสหราชอาณาจักร สำหรับนักเรียนต่างชาติ โดยเฉพาะนักศึกษาเอเชียอย่างเรา ๆ นั้นมีที่ไหนบ้าง 

  • ลอนดอน 

ลอนดอน (London) ถือเป็นหนึ่งในเมืองยอดนิยมติดอันดับโลกที่นักศึกษาจากเอเชียเลือกไปเรียนต่อมากที่สุด ด้วยความที่เป็นเมืองหลวงของสหราชอาณาจักร ลอนดอนจึงเป็นเมืองที่มีความหลากหลาย มีชีวิตชีวา และห้อมล้อมไปด้วยฉากหลังทางประวัติศาสตร์ เช่น พิพิธภัณฑ์ ศูนย์จัดแสดงงานศิลปะ และโรงละครมากมาย 

นอกจากนี้ ลอนดอนยังเป็นศูนย์รวมมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก เช่น University College London (UCL), Imperial College London และ King’s College London นักศึกษาเอเชียจะได้รับการต้อนรับในฐานะนักศึกษาต่างชาติอย่างเป็นมิตร และได้ประสบการณ์การเรียนที่ดีเยี่ยมจากการเรียนการสอนและหลักสูตรที่มีคุณภาพ 

  • เอดินบะระ 

เอดินบะระ (Edinburgh) ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่สวยงามและคงความเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์ไว้ได้อย่างลงตัว เอดินบะระเป็นเมืองหลวงของสกอตแลนด์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชื่อดังอย่าง University of Edinburgh และ Heriot-Watt University ถึงแม้ว่าเมืองนี้จะเป็นเมืองที่มีกลิ่นอายทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่เข้มข้น แต่ภายในเมืองก็มีการจัดเทศกาล คอนเสิร์ต และกิจกรรมมากมายตลอดทั้งปี รับรองได้ว่าถ้ามาเรียนที่นี่ น้อง ๆ จะประทับใจกับบรรยากาศที่เป็นมิตรและคุณภาพชีวิตที่ดีของเอดินบะระอย่างแน่นอน 

  • แมนเชสเตอร์ 

อีกหนึ่งเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยความหลากหลายทางเชื้อชาติ ‘แมนเชสเตอร์ (Manchester)’ ซึ่งเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยอย่าง University of Manchester และ Manchester Metropolitan University เมืองนี้โดดเด่นและมีชื่อเสียงอย่างมากทางด้านดนตรี ศิลปะ และความบันเทิงมากมาย ตั้งแต่ลานดนตรีสด พิพิธภัณฑ์ ไปจนถึงอาร์ตแกลอรี่ แถมยังมีทีมฟุตบอลชื่อดังอย่าง Manchester United และ Manchester City รับรองว่าน้อง ๆ จะไม่มีวันเบื่อกับบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเองในคอมมูนิตี้ของนักศึกษาต่างชาติด้วยกันแน่นอน 

  • เบอร์มิงแฮม 

เบอร์มิงแฮม (Birmingham) เป็นเมืองที่มีสีสันและความหลากหลายทางวัฒนธรรม พร้อมด้วยแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแหล่งชอปปิ้ง สถานบันเทิง แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม พิพิธภัณฑ์ และอื่น ๆ อีกมากมาย นักศึกษาที่ต้องการมาเรียนต่อที่นี่ ก็มี University of Birmingham ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำติดอันดับต้น ๆ ของสหราชอาณาจักร และ Birmingham City University (ฺBCU) ที่มีชื่อเสียงในด้านศิลปะการออกแบบและจิลเวลรี่ ไม่เพียงเท่านี้ เบอร์มิงแฮมยังได้ชื่อว่ามีการขนส่งสาธารณะที่ดีที่สุด และ มีค่าครองชีพที่ไม่สูงเกินเอื้อมสำหรับนักศึกษาอีกด้วย 

  • กลาสโกว์ 

กลาสโกว์ (Glasgow) เป็นเมืองในสกอตแลนด์ มีความคล้ายคลึงกับเอดินบะระ ด้วยความเป็นเมืองที่ยังคงสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เห็นได้จากพิพิธภัณฑ์ อาร์ตแกลอรี่ และโรงละครที่มีอยู่ทั่วทั้งเมือง และเป็นเมืองที่ตั้งของมหาวิทยาลัยอย่าง University of Glasgow และ Glasgow Caledonian University นักศึกษาในเมืองนี้จะได้รับประสบการณ์การเรียนและใช้ชีวิตที่ดี เพราะเป็นเมืองที่มีบรรยากาศเป็นมิตร มีขนส่งสาธารณะที่ดี และ ค่าครองชีพที่จับต้องได้ 

  • ลีดส์ 

ลีดส์ (Leeds) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอังกฤษ เป็นสถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัยที่เป็นที่นิยมอย่าง University of Leeds และ Leeds Beckett University เมืองนี้ยังเป็นที่รู้จักในด้านกิจกรรมยามค่ำคืน รวมถึงร้านอาหารนานาชาติให้เลือกชิม อีกทั้งยังมีค่าครองชีพไม่สูงและมีการขนส่งสาธารณะที่ดี ทำให้นักศึกษาในเมืองนี้ลีดส์สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวยังเมืองอื่น ๆ ในประเทศอังกฤษได้อย่างง่ายดาย

  • บริสตอล 

บริสตอล (Bristol) เมืองแห่งสีสันทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอังกฤษ เป็นที่ตั้งของ University of Bristol และ University of the West of England (UWE Bristol) และ เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเทศกาลดนตรี ศิลปะ และโรงละคร รวมถึงสตรีทอาร์ต (Street Art) ที่มีชื่อเสียงของศิลปินชื่อดัง Banksy ก็ถูกจัดแสดงอยู่ที่นี่ด้วย นอกจากเมืองนี้จะเหมาะแก่การมาเรียนต่อด้วยค่าครองชีพที่ไม่สูง และบรรยากาศสนุกสนานสไตล์เมืองติดชายหาดแล้ว นักศึกษายังสามารถไปเยี่ยมชมวิถีชีวิตชนบทที่สวยงาม หรือชายฝั่งทะเลตอนใต้ของประเทศอังกฤษได้อีกด้วย 

อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัยที่ดีและมีคุณภาพไม่จำเป็นต้องอยู่แต่ในเมืองหลวงหรือเมืองใหญ่เพียงอย่างเดียว เพราะการตัดสินใจว่าจะเรียนในตัวเมืองหรือวิทยาเขตนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการและปัจจัยด้านต่าง ๆ ของน้อง ๆ แต่ละคน การเรียนในมหาวิทยาลัยในเมืองอาจจะมอบประสบการณ์และความหลากหลายทางวัฒนธรรม รวมถึงการเข้าถึงสถานที่ฝึกงานหรือบริษัทว่าจ้างหลังเรียนจบที่มากกว่า แต่การเรียนในแคมปัสนอกตัวเมืองหรือตามวิทยาเขตก็สามารถช่วยให้น้อง ๆ โฟกัสกับการเรียนมากขึ้น รวมถึงการสร้างคอนเนคชั่นที่แข็งแรงภายในวงสังคมที่อยู่ มาดูแบบเจาะลึกกันดีกว่าว่าการเรียนแต่ละแบบนั้นมีข้อดีอย่างไรบ้าง 


มหาวิทยาลัยในเมือง ส่วนมากจะหมายถึงมหาวิทยาลัยภายในเมืองหลวงหรือเมืองใหญ่ ซึ่งแคมปัสของมหาวิทยาลัยก็จะอยู่ภายในตัวเมืองไปโดยปริยาย ตัวอย่างของมหาวิทยาลัยในเมืองของสหราชอาณาจักร ได้แก่ University College London, Imperial College London และ Manchester Metropolitan University 

ข้อดีของการเรียนในมหาวิทยาลัยในเขตเมือง : 

1. การเข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม 

มหาวิทยาลัยในเมืองมักจะมีตัวเลือกในการเข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยว เช่น พิพิธภัณฑ์ ศูนย์จัดแสดงงานศิลปะ โรงละคร และสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอื่น ๆ ได้มากกว่าและง่ายกว่า ทำให้นักศึกษาได้เปิดประสบการณ์ที่กว้างขึ้น แถมบางสถานที่ นักศึกษาสามารถเข้าชมได้ฟรีอีกด้วย 

2. โอกาสในการทำงาน 

แน่นอนว่าเมืองหลวงหรือในตัวเมืองใหญ่ ๆ อัตราการเติบโตทางธุรกิจและอัตราการจ้างงานมักจะสูง และมีตัวเลือกองค์กรหรือบริษัทที่หลากหลาย ทำให้นักศึกษาสามารถเบาใจเรื่องการหาสถานที่ฝึกงานหรือประสบการณ์การทำงานหลังเรียนจบได้มากขึ้น 

3. ความหลากหลายทางเชื้อชาติ 

มหาวิทยาลัยในเมืองส่วนใหญ่มักเป็นศูนย์รวมความหลากหลายของนักศึกษาจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม และ พื้นฐานประสบการณ์ต่าง ๆ ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากในการเพิ่มประสบการณ์ในการเรียนของน้องๆ  


ทีนี้มาดูข้อดีของการเรียนต่อในมหาวิทยาลัยตามวิทยาเขตกันบ้างดีกว่า มหาวิทยาลัยตามวิทยาเขตมักจะตั้งอยู่นอกเมืองใหญ่ มีวิทยาเขตเป็นของตัวเอง พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น หอพักนักศึกษา โรงอาหาร และพื้นที่ส่วนกลางสำหรับกิจกรรมสันทนาการ ยกตัวอย่างมหาวิทยาลัยในวิทยาเขต เช่น University of Warwick, University of Bath และ University of East Anglia 

ข้อดีของการเรียนในมหาวิทยาลัยตามวิทยาเขต : 

1. การเป็นส่วนหนึ่งของคอมมูนิตี้ 

มหาวิทยาลัยตามวิทยาเขตส่วนมากมักจะมีความเป็นกลุ่มเป็นก้อนสูง เนื่องจากนักศึกษาส่วนใหญ่มักจะอาศัยอยู่ในหอพักเดียวกัน หรือพื้นที่ใกล้เคียง ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย ทำให้สามารถช่วยเหลือและทำความรู้จักซึ่งกันและกันได้ง่ายกว่า รวมถึงการให้การต้อนรับแก่นักศึกษาใหม่ก็ดีตามไปด้วยเช่นกัน 

2. การเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกของมหาวิทยาลัย 

สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย เช่น หอพักนักศึกษา โรงอาหาร ห้องสมุด และลานสันทนาการ มักจะถูกจัดไว้ให้ภายในวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยอย่างพร้อมสรรพ ซึ่งเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่นักศึกษา 

3. การโฟกัสกับการเรียน 

นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยตามวิทยาเขตส่วนใหญ่มักจะโฟกัสกับการเรียนมากกว่า เนื่องจากแหล่งท่องเที่ยวน้อยกว่าเมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยในเมืองใหญ่ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกและแหล่งศึกษาค้นคว้าได้ถูกรวมไว้ให้ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ซึ่งเอื้อต่อการเรียนรู้และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 

สรุปแล้ว สหราชอาณาจักรนั้นมอบโอกาสที่หลากหลายให้แก่นักศึกษาต่างชาติที่กำลังมองหาการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล รวมถึงให้ประสบการณ์ใหม่ ๆ จากผู้คนที่มาจากต่างถิ่นต่างภาษา ดังนั้น นอกจากการเลือกตัดสินใจจากปัจจัย เช่น อันดับของมหาวิทยาลัย สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ และคุณภาพชีวิตแล้ว น้อง ๆ ควรศึกษาข้อมูลและตัดสินใจจากเมืองที่ต้องการไปเรียนต่อด้วยว่าตอบโจทย์มากน้อยแค่ไหน และเมืองนั้น ๆ เหมาะกับไลฟ์สไตล์ หรือความต้องการของตัวเองหรือไม่


หากสนใจเรียนต่อสหราชอาณาจักร สามารถสอบถามข้อมูลและสมัครเรียนได้กับพี่ ๆ One Education ซึ่งเป็นศิษย์เก่าอังกฤษ มีประสบการณ์ตรงและความเชี่ยวชาญในการศึกษาต่อที่สหราชอาณาจักรมามากกว่า 30 ปี และ ยังเป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยชั้นนำใน UK อีกด้วย พี่ ๆ ยินดีให้คำปรึกษาและบริการฟรีทุกขั้นตอนเพื่อให้การเรียนต่อ UK ของน้อง ๆ เป็นเรื่องง่าย และ ครบจบในที่เดียว
Add Line: @one-edu  
คลิกกรอกแบบฟอร์ม เพื่อให้พี่ ๆ One Education ติดต่อกลับ

โทรสอบถามสาขาใกล้บ้านคุณ 
สาขาชิดลม: 02-652-0718 
สาขาปิ่นเกล้า: 02-884-5328 
สาขาพระราม 2: 02-896-1445 

One Education | Study Abroad. Simplified ให้ทุกเรื่องการเรียนต่อต่างประเทศของคุณเป็นเรื่องง่ายครบในที่เดียว

ตามทันทุกข้อมูลการเรียนต่อ UK & Australia 

Facebook: One Education 
Instagram: oneeducationthailand 
Twitter: One Education 
YouTube: One Education 

ONE EDUCATION

เราเป็นตัวแทนที่ได้รับการแต่งตั้งจากมหาวิทยาลัยในอังกฤษและประเทศออสเตรเลียอย่างเป็นทางการ รวมถึงยังให้คำปรึกษาและบริการครบทุกขั้นตอนกับนักเรียนไทยและนักเรียนต่างชาติในประเทศไทย โดยไม่มีค่าบริการใด ๆ ทั้งสิ้น

30 years experience Established since 1991
ประสบการณ์เชี่ยวชาญมากกว่า 30 ปี

ด้านการเรียนต่ออังกฤษและออสเตรเลีย

3 offices in Thailand
เปิดบริการ 3 สาขา

ในกรุงเทพ ประเทศไทย

Group of Eight Representative
ตัวแทนมหาวิทยาลัย Group of Eight

กลุ่มมหาวิทยาลัยชั้นนำครบทั้ง 8 แห่งของออสเตรเลีย

Russell Group Representatives
ตัวแทนมหาวิทยาลัยชั้นนำในอังกฤษ

ตัวแทนมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง รวมถึงกลุ่ม Russell Group

Qualified Education Agent
ทีมงานที่ปรึกษาได้การรับรองคุณภาพ

ในการเป็นที่ปรึกษาด้านการศึกษาต่อที่อังกฤษและออสเตรเลีย

Support 3,000+ students
ดูแลนักเรียนมากกว่า 3,000 คน

ทั้งนักเรียนไทยและนักเรียนต่างชาติในไทยได้ไปเรียนต่อตามเป้าหมาย

One Education ให้บริการเรียนต่อต่างประเทศระดับมืออาชีพ โดยการร่วมมือระหว่าง Hamilton International ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาต่อสหราชอาณาจักร และ Insight Education Consulting ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาต่อที่ออสเตรเลีย เรารวมกันเป็น "หนึ่ง" เพื่อให้คุณได้รับบริการที่ดีกว่าและตอบโจทย์การเรียนต่อต่างประเทศที่ครบวงจร