ใครว่าโลเคชั่นไม่สำคัญ! มาดู 5 ปัจจัยในการเลือกเรียนต่อมหาวิทยาลัยใน UK
- เคล็ดลับการเรียนต่อที่อังกฤษ | เคล็ดลับการเรียนต่ออังกฤษ
- May 18, 2023
- One Education
การได้ไปเรียนต่อที่สหราชอาณาจักรถือเป็นเรื่องน่าตื่นตาตื่นใจและเปลี่ยนชีวิตใครหลาย ๆ คนได้เลย แต่ก่อนที่จะได้ไปเรียนต่อนั้น ก็ต้องผ่านด่านการเลือกมหาวิทยาลัยที่นับว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องยาก เพราะถ้าเราไม่ได้มีมหาวิทยาลัยในใจอยู่แล้ว อาจเกิดการสับสนว่าจะต้องเริ่มตรงไหนก่อนดี ในบทความนี้ พี่ ๆ One Education จะพาน้อง ๆ ไปสำรวจกันว่าปัจจัยในการเลือกมหาวิทยาลัยที่ใช่มีอะไรบ้าง พร้อมแล้วมาอ่านต่อกันเลย
1. หลักสูตรที่มหาวิทยาลัยเปิดสอน
แน่นอนว่าสิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงก่อนเลือกมหาวิทยาลัย นั่นก็คือ ‘หลักสูตร’ ที่สนใจหรือต้องการเรียนต่อ เมื่อได้หลักสูตรในใจแล้วก็ต้องมาดูกันต่อว่ามหาวิทยาลัยไหนบ้างที่เปิดสอนหลักสูตรนี้ รวมถึงวิธีการสอนของแต่ละมหาวิทยาลัย รายวิชา และคุณภาพของหลักสูตรนั้น ๆ ว่าได้รับการรับรองจากสถาบันที่น่าเชื่อถือหรือไม่ เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนมีผลในการต่อยอดอาชีพของน้อง ๆ ในอนาคต
2. การจัดอันดับของมหาวิทยาลัย
การจัดอันดับของมหาวิทยาลัยถือเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่สำคัญและมีประโยชน์มาก ๆ ในการเลือกมหาวิทยาลัยสำหรับการเรียนต่อ เนื่องจากอันดับของมหาวิทยาลัยสามารถบ่งบอกได้ถึงคุณภาพของผลงานวิจัย ความพึงพอใจของนักศึกษา และอัตราการจ้างงานหลังเรียนจบของบัณฑิต น้อง ๆ ควรทำการค้นคว้าและเปรียบเทียบอันดับของแต่ละมหาวิทยาลัยเพื่อช่วยในการตัดสินใจว่ามหาวิทยาลัยไหนตอบโจทย์ความต้องการและตรงกับเป้าหมายในอนาคตของน้อง ๆ มากที่สุด
3. บริการช่วยเหลือนักศึกษา
ทุกมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรล้วนแล้วแต่มีบริการช่วยเหลือนักศึกษา (Student Support) ดังนั้นน้อง ๆ ควรศึกษาว่าแต่ละมหาวิทยาลัยมีบริการอะไรที่จัดไว้ให้นักศึกษาบ้าง เช่น ความช่วยเหลือด้านการเรียน ความช่วยเหลือด้านสุขภาพจิต หรือแม้กระทั่งบริการช่วยเหลือผู้พิการ (ในกรณีที่นักศึกษาต้องการความช่วยเหลือพิเศษ) นอกจากนี้กิจกรรมสำหรับนักศึกษา เช่น คลับหรือชมรมของมหาวิทยาลัย ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ควรรับไว้พิจารณา เพราะการเข้าร่วมกิจกรรมเหล่านี้ นอกจากจะช่วยขยายคอนเนคชั่นแล้ว ยังช่วยให้น้อง ๆ ได้พัฒนาทักษะนอกห้องเรียน หรือที่เรียกกันว่า Soft Skills อีกด้วย
4. ค่าเล่าเรียนและแหล่งเงินทุนสำรอง
อีกหนึ่งปัจจัยหลักที่ขาดไม่ได้เลย คือ ‘ค่าใช้จ่าย’ ที่น้อง ๆ ต้องคำนึงตั้งแต่การสมัครเรียน การลงทะเบียน ค่าเทอม ค่าที่พัก และค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน นอกจากมองในเรื่องรายจ่ายแล้ว การมองหารายรับหรือแหล่งเงินทุนสำรอง เช่น ทุนการศึกษา เงินช่วยเหลือบางส่วน หรือเงินทุนกู้ยืม ก็ถือเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของน้อง ๆ ไปได้ไม่น้อยเลย
5. ที่ตั้งของมหาวิทยาลัย
นอกจากการเลือกมหาวิทยาลัย การเลือกโลเคชั่นหรือที่ตั้งของมหาวิทยาลัยก็สำคัญไม่แพ้กัน ดังนั้น เรามาดูไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าว่าเมืองน่าเรียนในสหราชอาณาจักร สำหรับนักเรียนต่างชาติ โดยเฉพาะนักศึกษาเอเชียอย่างเรา ๆ นั้นมีที่ไหนบ้าง
- ลอนดอน
ลอนดอน (London) ถือเป็นหนึ่งในเมืองยอดนิยมติดอันดับโลกที่นักศึกษาจากเอเชียเลือกไปเรียนต่อมากที่สุด ด้วยความที่เป็นเมืองหลวงของสหราชอาณาจักร ลอนดอนจึงเป็นเมืองที่มีความหลากหลาย มีชีวิตชีวา และห้อมล้อมไปด้วยฉากหลังทางประวัติศาสตร์ เช่น พิพิธภัณฑ์ ศูนย์จัดแสดงงานศิลปะ และโรงละครมากมาย
นอกจากนี้ ลอนดอนยังเป็นศูนย์รวมมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก เช่น University College London (UCL), Imperial College London และ King’s College London นักศึกษาเอเชียจะได้รับการต้อนรับในฐานะนักศึกษาต่างชาติอย่างเป็นมิตร และได้ประสบการณ์การเรียนที่ดีเยี่ยมจากการเรียนการสอนและหลักสูตรที่มีคุณภาพ
- เอดินบะระ
เอดินบะระ (Edinburgh) ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่สวยงามและคงความเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์ไว้ได้อย่างลงตัว เอดินบะระเป็นเมืองหลวงของสกอตแลนด์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชื่อดังอย่าง University of Edinburgh และ Heriot-Watt University ถึงแม้ว่าเมืองนี้จะเป็นเมืองที่มีกลิ่นอายทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่เข้มข้น แต่ภายในเมืองก็มีการจัดเทศกาล คอนเสิร์ต และกิจกรรมมากมายตลอดทั้งปี รับรองได้ว่าถ้ามาเรียนที่นี่ น้อง ๆ จะประทับใจกับบรรยากาศที่เป็นมิตรและคุณภาพชีวิตที่ดีของเอดินบะระอย่างแน่นอน
- แมนเชสเตอร์
อีกหนึ่งเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยความหลากหลายทางเชื้อชาติ ‘แมนเชสเตอร์ (Manchester)’ ซึ่งเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยอย่าง University of Manchester และ Manchester Metropolitan University เมืองนี้โดดเด่นและมีชื่อเสียงอย่างมากทางด้านดนตรี ศิลปะ และความบันเทิงมากมาย ตั้งแต่ลานดนตรีสด พิพิธภัณฑ์ ไปจนถึงอาร์ตแกลอรี่ แถมยังมีทีมฟุตบอลชื่อดังอย่าง Manchester United และ Manchester City รับรองว่าน้อง ๆ จะไม่มีวันเบื่อกับบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเองในคอมมูนิตี้ของนักศึกษาต่างชาติด้วยกันแน่นอน
- เบอร์มิงแฮม
เบอร์มิงแฮม (Birmingham) เป็นเมืองที่มีสีสันและความหลากหลายทางวัฒนธรรม พร้อมด้วยแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแหล่งชอปปิ้ง สถานบันเทิง แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม พิพิธภัณฑ์ และอื่น ๆ อีกมากมาย นักศึกษาที่ต้องการมาเรียนต่อที่นี่ ก็มี University of Birmingham ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำติดอันดับต้น ๆ ของสหราชอาณาจักร และ Birmingham City University (ฺBCU) ที่มีชื่อเสียงในด้านศิลปะการออกแบบและจิลเวลรี่ ไม่เพียงเท่านี้ เบอร์มิงแฮมยังได้ชื่อว่ามีการขนส่งสาธารณะที่ดีที่สุด และ มีค่าครองชีพที่ไม่สูงเกินเอื้อมสำหรับนักศึกษาอีกด้วย
- กลาสโกว์
กลาสโกว์ (Glasgow) เป็นเมืองในสกอตแลนด์ มีความคล้ายคลึงกับเอดินบะระ ด้วยความเป็นเมืองที่ยังคงสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เห็นได้จากพิพิธภัณฑ์ อาร์ตแกลอรี่ และโรงละครที่มีอยู่ทั่วทั้งเมือง และเป็นเมืองที่ตั้งของมหาวิทยาลัยอย่าง University of Glasgow และ Glasgow Caledonian University นักศึกษาในเมืองนี้จะได้รับประสบการณ์การเรียนและใช้ชีวิตที่ดี เพราะเป็นเมืองที่มีบรรยากาศเป็นมิตร มีขนส่งสาธารณะที่ดี และ ค่าครองชีพที่จับต้องได้
- ลีดส์
ลีดส์ (Leeds) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอังกฤษ เป็นสถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัยที่เป็นที่นิยมอย่าง University of Leeds และ Leeds Beckett University เมืองนี้ยังเป็นที่รู้จักในด้านกิจกรรมยามค่ำคืน รวมถึงร้านอาหารนานาชาติให้เลือกชิม อีกทั้งยังมีค่าครองชีพไม่สูงและมีการขนส่งสาธารณะที่ดี ทำให้นักศึกษาในเมืองนี้ลีดส์สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวยังเมืองอื่น ๆ ในประเทศอังกฤษได้อย่างง่ายดาย
- บริสตอล
บริสตอล (Bristol) เมืองแห่งสีสันทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอังกฤษ เป็นที่ตั้งของ University of Bristol และ University of the West of England (UWE Bristol) และ เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเทศกาลดนตรี ศิลปะ และโรงละคร รวมถึงสตรีทอาร์ต (Street Art) ที่มีชื่อเสียงของศิลปินชื่อดัง Banksy ก็ถูกจัดแสดงอยู่ที่นี่ด้วย นอกจากเมืองนี้จะเหมาะแก่การมาเรียนต่อด้วยค่าครองชีพที่ไม่สูง และบรรยากาศสนุกสนานสไตล์เมืองติดชายหาดแล้ว นักศึกษายังสามารถไปเยี่ยมชมวิถีชีวิตชนบทที่สวยงาม หรือชายฝั่งทะเลตอนใต้ของประเทศอังกฤษได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัยที่ดีและมีคุณภาพไม่จำเป็นต้องอยู่แต่ในเมืองหลวงหรือเมืองใหญ่เพียงอย่างเดียว เพราะการตัดสินใจว่าจะเรียนในตัวเมืองหรือวิทยาเขตนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการและปัจจัยด้านต่าง ๆ ของน้อง ๆ แต่ละคน การเรียนในมหาวิทยาลัยในเมืองอาจจะมอบประสบการณ์และความหลากหลายทางวัฒนธรรม รวมถึงการเข้าถึงสถานที่ฝึกงานหรือบริษัทว่าจ้างหลังเรียนจบที่มากกว่า แต่การเรียนในแคมปัสนอกตัวเมืองหรือตามวิทยาเขตก็สามารถช่วยให้น้อง ๆ โฟกัสกับการเรียนมากขึ้น รวมถึงการสร้างคอนเนคชั่นที่แข็งแรงภายในวงสังคมที่อยู่ มาดูแบบเจาะลึกกันดีกว่าว่าการเรียนแต่ละแบบนั้นมีข้อดีอย่างไรบ้าง
มหาวิทยาลัยในเมือง ส่วนมากจะหมายถึงมหาวิทยาลัยภายในเมืองหลวงหรือเมืองใหญ่ ซึ่งแคมปัสของมหาวิทยาลัยก็จะอยู่ภายในตัวเมืองไปโดยปริยาย ตัวอย่างของมหาวิทยาลัยในเมืองของสหราชอาณาจักร ได้แก่ University College London, Imperial College London และ Manchester Metropolitan University
ข้อดีของการเรียนในมหาวิทยาลัยในเขตเมือง :
1. การเข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
มหาวิทยาลัยในเมืองมักจะมีตัวเลือกในการเข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยว เช่น พิพิธภัณฑ์ ศูนย์จัดแสดงงานศิลปะ โรงละคร และสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอื่น ๆ ได้มากกว่าและง่ายกว่า ทำให้นักศึกษาได้เปิดประสบการณ์ที่กว้างขึ้น แถมบางสถานที่ นักศึกษาสามารถเข้าชมได้ฟรีอีกด้วย
2. โอกาสในการทำงาน
แน่นอนว่าเมืองหลวงหรือในตัวเมืองใหญ่ ๆ อัตราการเติบโตทางธุรกิจและอัตราการจ้างงานมักจะสูง และมีตัวเลือกองค์กรหรือบริษัทที่หลากหลาย ทำให้นักศึกษาสามารถเบาใจเรื่องการหาสถานที่ฝึกงานหรือประสบการณ์การทำงานหลังเรียนจบได้มากขึ้น
3. ความหลากหลายทางเชื้อชาติ
มหาวิทยาลัยในเมืองส่วนใหญ่มักเป็นศูนย์รวมความหลากหลายของนักศึกษาจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม และ พื้นฐานประสบการณ์ต่าง ๆ ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากในการเพิ่มประสบการณ์ในการเรียนของน้องๆ
ทีนี้มาดูข้อดีของการเรียนต่อในมหาวิทยาลัยตามวิทยาเขตกันบ้างดีกว่า มหาวิทยาลัยตามวิทยาเขตมักจะตั้งอยู่นอกเมืองใหญ่ มีวิทยาเขตเป็นของตัวเอง พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น หอพักนักศึกษา โรงอาหาร และพื้นที่ส่วนกลางสำหรับกิจกรรมสันทนาการ ยกตัวอย่างมหาวิทยาลัยในวิทยาเขต เช่น University of Warwick, University of Bath และ University of East Anglia
ข้อดีของการเรียนในมหาวิทยาลัยตามวิทยาเขต :
1. การเป็นส่วนหนึ่งของคอมมูนิตี้
มหาวิทยาลัยตามวิทยาเขตส่วนมากมักจะมีความเป็นกลุ่มเป็นก้อนสูง เนื่องจากนักศึกษาส่วนใหญ่มักจะอาศัยอยู่ในหอพักเดียวกัน หรือพื้นที่ใกล้เคียง ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย ทำให้สามารถช่วยเหลือและทำความรู้จักซึ่งกันและกันได้ง่ายกว่า รวมถึงการให้การต้อนรับแก่นักศึกษาใหม่ก็ดีตามไปด้วยเช่นกัน
2. การเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกของมหาวิทยาลัย
สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย เช่น หอพักนักศึกษา โรงอาหาร ห้องสมุด และลานสันทนาการ มักจะถูกจัดไว้ให้ภายในวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยอย่างพร้อมสรรพ ซึ่งเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่นักศึกษา
3. การโฟกัสกับการเรียน
นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยตามวิทยาเขตส่วนใหญ่มักจะโฟกัสกับการเรียนมากกว่า เนื่องจากแหล่งท่องเที่ยวน้อยกว่าเมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยในเมืองใหญ่ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกและแหล่งศึกษาค้นคว้าได้ถูกรวมไว้ให้ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ซึ่งเอื้อต่อการเรียนรู้และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
สรุปแล้ว สหราชอาณาจักรนั้นมอบโอกาสที่หลากหลายให้แก่นักศึกษาต่างชาติที่กำลังมองหาการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล รวมถึงให้ประสบการณ์ใหม่ ๆ จากผู้คนที่มาจากต่างถิ่นต่างภาษา ดังนั้น นอกจากการเลือกตัดสินใจจากปัจจัย เช่น อันดับของมหาวิทยาลัย สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ และคุณภาพชีวิตแล้ว น้อง ๆ ควรศึกษาข้อมูลและตัดสินใจจากเมืองที่ต้องการไปเรียนต่อด้วยว่าตอบโจทย์มากน้อยแค่ไหน และเมืองนั้น ๆ เหมาะกับไลฟ์สไตล์ หรือความต้องการของตัวเองหรือไม่
หากสนใจเรียนต่อสหราชอาณาจักร สามารถสอบถามข้อมูลและสมัครเรียนได้กับพี่ ๆ One Education ซึ่งเป็นศิษย์เก่าอังกฤษ มีประสบการณ์ตรงและความเชี่ยวชาญในการศึกษาต่อที่สหราชอาณาจักรมามากกว่า 30 ปี และ ยังเป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยชั้นนำใน UK อีกด้วย พี่ ๆ ยินดีให้คำปรึกษาและบริการฟรีทุกขั้นตอนเพื่อให้การเรียนต่อ UK ของน้อง ๆ เป็นเรื่องง่าย และ ครบจบในที่เดียว
Add Line: @one-edu
คลิกกรอกแบบฟอร์ม เพื่อให้พี่ ๆ One Education ติดต่อกลับ
โทรสอบถาม: 02-652-0718
One Education | Study Abroad. Simplified ให้ทุกเรื่องการเรียนต่อต่างประเทศของคุณเป็นเรื่องง่ายครบในที่เดียว
ตามทันทุกข้อมูลการเรียนต่อ UK & Australia
Facebook: One Education
Instagram: oneeducationthailand
Twitter: One Education
YouTube: One Education
บทความล่าสุด
รวมลิสต์! ทุนเรียนต่อออสเตรเลียปี 2025 แนะนำ School of Education and Childhood ที่ UWE Bristol ประกาศสำคัญ! ออสเตรเลียจำกัดโควตารับนักเรียนต่างชาติในปี 2025 แนะนำมหาวิทยาลัยเรียนต่อปริญญาโทสาขาแพทย์ผิวหนัง (Clinical Dermatology) ที่ประเทศอังกฤษ เรียนพร้อมฝึกงานที่ออสเตรเลียกับ Academia Internationalหมวดหมู่
เรื่องเล่าจากรุ่นพี่
เคล็ดลับการเรียนต่ออังกฤษ
เคล็ดลับการเรียนต่อออสเตรเลีย
หลักสูตรยอดนิยม
ทุนการศึกษา
โปรโมชั่นเรียนภาษา