เช็กลิสต์! สิ่งที่ควรทำ ณ วันที่ก้าวเท้าเข้าประเทศอังกฤษ

เช็กลิสต์! สิ่งที่ควรทำ ณ วันที่ก้าวเท้าเข้าประเทศอังกฤษ

เตรียมตัวให้ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง! การไปเรียนต่อเมืองนอกนั้นนอกจากความกังวลในเรื่องการเตรียมตัวสมัครเรียนแล้ว พอน้อง ๆ ได้ใบตอบรับจากมหาวิทยาลัยที่เราตั้งใจไว้ ความกังวลถัดมาที่พี่จอยเชื่อว่าน้อง ๆ หลายคนกังวลคือ เมื่อเราก้าวเท้าเข้าประเทศอังกฤษแล้วขั้นตอนต่อไปเราควรทำอะไรต่อ ในบทความนี้พี่จอย One Education จะมาแนะนำว่าเมื่อเราไปถึงประเทศอังกฤษ เราควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ต้องทำอะไรหรือไปที่ไหนก่อน พี่จอยจะมาลำดับความสำคัญให้กับน้อง ๆ กันค่ะ

อย่างแรกพอน้อง ๆ ลงเครื่องบินและก้าวเท้าเข้าประเทศอังกฤษ เราจะต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม. กันก่อน และเพื่อเป็นการไม่เสียเวลา สิ่งที่น้อง ๆ ควรต้องเตรียมระหว่างรอคิวพบกับเจ้าหน้าที่ ตม. คือ เอกสารเข้าประเทศต่าง ๆ นอกจาก Passport แล้ว จากประสบการณ์ที่ผ่านมา สิ่งที่เจ้าหน้าที่อาจขอเรียกดูคือ IOM Certificate หรือใบตรวจปอด และ CAS หรือ Offer Letter เราแค่เตรียมถือไว้จนกว่าเจ้าหน้าที่จะขอเรียกดู แนะนำว่ายิ้มแย้มเข้าไว้นะคะ เจ้าหน้าที่ ตม. อาจจะมีถามคำถามเราเพื่อเช็กว่าเราไม่ได้มาหลบหนีหรืออะไร น้อง ๆ สามารถตอบตามความจริงได้เลย เช่น อาจจะมีการถามว่ามาทำอะไรที่อังกฤษ เรียนที่ไหน มากับใคร และพักที่ไหน จะเป็นคำถามทั่วไปค่ะ การเดินทางเข้าประเทศอังกฤษในครั้งนี้ เราตั้งใจมาเรียน และไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดนะคะ ยิ่งเรากังวลเท่าไหร่มันจะกลายเป็นมีพิรุธทันที จากที่ไม่มีอะไรจะกลายเป็นมีอะไร ดังนั้นน้อง ๆ สามารถตอบตามความจริงได้เลยค่ะ

หลังจากผ่าน ตม. เรียบร้อยแล้วน้อง ๆ ก็เดินทางเข้าที่พัก อันนี้ก็แล้วแต่น้อง ๆ ว่าจะเดินทางไปที่พักอย่างไร บางคนอาจจะจองบริการ Airport Pick Up กับทางมหาวิทยาลัย หรือบางคนอาจจะจองแท็กซี่ไว้ล่วงหน้า หรือเป็นการนั่งรถไฟต่อไปเมืองอื่น อันนี้แนะนำว่าลองเช็กการเดินทางก่อนบินมาด้วยก็ดีนะคะ เผื่ออันไหนจองล่วงหน้าได้เราอาจได้ตั๋วในราคาที่ถูกกว่ามาซื้อหน้างานค่ะ

หลังจากที่น้อง ๆ เข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว อาจจะพักเหนื่อยกันซักหน่อย วันถัดมาพี่จอยแนะนำให้เราไปรับ BRP Card ตามที่อยู่ที่ระบุอยู่ในใบรับ BRP Card และเตรียมเอกสารไปรับด้วยนะคะ หลังจากนั้นเราควรไปรายงานตัวกับมหาวิทยาลัยของเราที่ International Office สักหน่อยว่าเรามาถึงแล้ว อาจจะขอทำ Student ID ไปเลยได้ยิ่งดีค่ะ ถัดมาสิ่งที่จะแนะนำให้รีบทำคือเปิดบัญชีธนาคารค่ะ เพราะน้องบางคนอาจจะไม่ได้พก Travel Card ไป หรือบางที่ไม่สามารถใช้ Travel Card ได้ พี่จอยเลยอยากแนะนำให้เปิดบัญชีธนาคารที่อังกฤษไว้เลยค่ะ เพราะเราจะได้มีบัตรเดบิตไว้ใช้จ่ายได้ หรือจะให้มหาวิทยาลัยตัดค่าเทอมจากบัญชีธนาคารที่อังกฤษได้เลยค่ะ ไว้ Blog หน้าพี่จอยจะมาแนะนำวิธีการเปิดบัญชีธนาคารให้กับน้อง ๆ เป็นขั้นตอนแบบละเอียดเลยนะคะว่าต้องทำอย่างไรบ้างนะคะ

หลังจากนั้นถ้ามีเวลาพี่จอยแนะนำให้เราลงทะเบียน GP หรือ General Practitioner กับโรงพยาบาลในเครือ NHS ไว้ได้เลย โดย NHS คือ ระบบดูแลสุขภาพแห่งชาติ ที่ให้บริการทางการแพทย์ฟรีในเวลาที่จำเป็นในขั้นตอนการขอวีซ่าสำหรับนักเรียนจึงต้องชำระเงินค่าบริการด้านสุขภาพ (Healthcare Surcharge) ด้วย โดยอัตราค่าบริการสุขภาพจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาเรียนและอายุของวีซ่าที่ได้รับ เพราะน้อง ๆ ที่ไปเรียนหลักสูตรมากกว่า 6 เดือนขึ้นไปจะมีประกัน IHS (Immigration Health Surcharge) ที่เราได้ชำระไว้ตอนทำวีซ่าแล้ว ดังนั้นน้อง ๆ จะมีสิทธิ์เข้ารับการรักษากับโรงพยาบาลในเครือ NHS ฟรีได้เลย สามารถลงทะเบียนออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ www.nhs.uk/register

ถ้าน้อง ๆ จัดการเรียบร้อยแล้ว แนะนำให้เผื่อเวลาไปล่วงหน้าซัก 2-3 วันก่อนเปิดเรียนนะคะ เราจะได้มีเวลาสำรวจเมืองที่เราไปอยู่ ศึกษาเส้นทางการเดินไปมหาวิทยาลัย พี่จอยแนะนำเลยว่าต้องลองเดินทางและจับเวลาดู เพราะวันแรกของการเปิดเรียนจะได้ไม่ไปสายกันนะคะ และที่สำคัญเดินสำรวจแหล่งชอปปิ้งและแหล่งดำรงชีพของเราว่ามีซูเปอร์มาร์เก็ตอะไรบ้าง หรือมีร้านอาหารตรงไหน เราจะได้คุ้นชินกับตรงนี้ก่อน พอเปิดเรียนจะได้ไม่รู้สึก Panic หรือ Culture Shock จนเกินไปค่ะ

ส่วนถ้าใครแพลนจะทำงาน Part-time ก็อย่าลืมสมัคร National Insurance Number (NINO) กันก่อนนะคะ เพราะนายจ้างส่วนใหญ่จะขอเลขนี้ตอนเราไปสมัครงาน การสมัครก็ไม่ยากค่ะ น้อง ๆ สามารถโทรเข้าไปนัดหมายที่เบอร์ 08001412075 แล้วเค้าก็จะให้เราเตรียมเอกสารต่าง ๆ เช่น Passport, BRP Card, สัญญาที่พัก เค้าจะแจ้งเราอีกทีว่าขออะไรบ้างค่ะ ระยะเวลาในการรอ NI Number อาจจะประมาณ 4-6 สัปดาห์ค่ะ

พี่จอยอยากจะแนะนำน้อง ๆ เลยว่าถ้าเรามีปัญหาอะไรทั้งเกี่ยวกับการ Enrolment ลงทะเบียนเรียนหรือเป็นเรื่องการชำระค่าเทอม น้อง ๆ สามารถเดินเข้าไปที่ International Office ของแต่ละมหาวิทยาลัยที่น้อง ๆ เรียนได้เลย เพราะทางมหาวิทยาลัยจะย้ำเสมอว่าเค้ามีทีมซัพพอร์ตนักเรียนต่างชาติอย่างพวกเรา และทีมคอยช่วยแก้ไขปัญหาได้รวดเร็ว เนื่องจากน้อง ๆ อยู่ตรงนั้นแล้ว ดังนั้นการแก้ไขปัญหาก็จะแก้ได้เร็วขึ้น แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ยังไงพี่ ๆ One Education ก็ยังคอยช่วยน้อง ๆ อยู่ค่ะ ถ้าติดปัญหาอะไรที่ไม่สามารถคุยกับทางมหาวิทยาลัยเองได้ ทางพี่ ๆ ไม่ทิ้งน้อง ๆ แน่นอนค่า


สนใจเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม รับคำแนะนำ และสมัครเรียนกับพี่ ๆ One Education ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาต่อสหราชอาณาจักรมามากกว่า 30 ปี เรายินดีให้คำปรึกษาและบริการทุกขั้นตอน ฟรี!!  
Add Line: @one-edu 
คลิกกรอกแบบฟอร์ม เพื่อให้พี่ ๆ One Education ติดต่อกลับ

ตามทันทุกข้อมูลการเรียนต่อ UK & Australia

Facebook: One Education
Instagram: oneeducationthailand
Twitter: One Education
YouTube: One Education

ONE EDUCATION

เราเป็นตัวแทนที่ได้รับการแต่งตั้งจากมหาวิทยาลัยในอังกฤษและประเทศออสเตรเลียอย่างเป็นทางการ รวมถึงยังให้คำปรึกษาและบริการครบทุกขั้นตอนกับนักเรียนไทยและนักเรียนต่างชาติในประเทศไทย โดยไม่มีค่าบริการใด ๆ ทั้งสิ้น

30 years experience Established since 1991
ประสบการณ์เชี่ยวชาญมากกว่า 30 ปี

ด้านการเรียนต่ออังกฤษและออสเตรเลีย

3 offices in Thailand
เปิดบริการ 3 สาขา

ในกรุงเทพ ประเทศไทย

Group of Eight Representative
ตัวแทนมหาวิทยาลัย Group of Eight

กลุ่มมหาวิทยาลัยชั้นนำครบทั้ง 8 แห่งของออสเตรเลีย

Russell Group Representatives
ตัวแทนมหาวิทยาลัยชั้นนำในอังกฤษ

ตัวแทนมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง รวมถึงกลุ่ม Russell Group

Qualified Education Agent
ทีมงานที่ปรึกษาได้การรับรองคุณภาพ

ในการเป็นที่ปรึกษาด้านการศึกษาต่อที่อังกฤษและออสเตรเลีย

Support 3,000+ students
ดูแลนักเรียนมากกว่า 3,000 คน

ทั้งนักเรียนไทยและนักเรียนต่างชาติในไทยได้ไปเรียนต่อตามเป้าหมาย

One Education ให้บริการเรียนต่อต่างประเทศระดับมืออาชีพ โดยการร่วมมือระหว่าง Hamilton International ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาต่อสหราชอาณาจักร และ Insight Education Consulting ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาต่อที่ออสเตรเลีย เรารวมกันเป็น "หนึ่ง" เพื่อให้คุณได้รับบริการที่ดีกว่าและตอบโจทย์การเรียนต่อต่างประเทศที่ครบวงจร