เรียนรู้และรับมือ Culture Shock เพื่อไปเรียนอังกฤษแบบแฮปปี้!
- เคล็ดลับการเรียนต่อที่อังกฤษ | เคล็ดลับการเรียนต่ออังกฤษ
- September 2, 2022
- P'Aim
Culture Shock คืออะไร
Culture Shock หรือ ภาวะตื่นตระหนกทางวัฒนธรรม เป็นอาการที่จะเกิดจากความไม่คุ้นชินกับสภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรมที่เปลี่ยนไปจากวัฒนธรรมเดิมที่เราคุ้นชิน มักเกิดกับผู้ที่ย้ายประเทศ หรือ ย้ายจากที่หนึ่งไปอาศัยอีกที่หนึ่งที่มีวัฒนธรรมแตกต่างไปจากเดิม
สำหรับ Culture Shock ที่นักเรียนไทยมักประสบพบเจอเมื่อไปเรียนต่อต่างประเทศเป็นระยะเวลาหนึ่ง อาจทำให้เกิดความเบื่อหน่าย เหงา และเศร้าได้ ดังนั้นเราควรเรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศที่เราจะเดินทางไปเรียนก่อน จะได้เตรียมรับมือกับสิ่งเหล่านั้นได้นั่นเอง
ในบทความนี้พี่ ๆ One Education ได้แบ่ง Culture Shock ที่น้อง ๆ อาจจะเจอได้เมื่อไปเรียนที่ประเทศอังกฤษ จะมีอะไรบ้าง มาอ่านต่อกันเลย
1. อากาศ
เรื่องที่น้อง ๆ ทุกคนจะประสบเป็นอย่างแรก คือ เรื่องของอากาศ เพราะสภาพอากาศที่ประเทศอังกฤษมีความแตกต่างจากประเทศไทยค่อนข้างมาก สหราชอาณาจักร หรือ UK โดยย่อ มีลักษณะภูมิประเทศเป็นเกาะ อยู่ระหว่างมหาสมุทรแอตแลนติกและทะเลเหนือจึงมีลมและความชื้นจากมหาสมุทรพัดผ่านตลอด ส่งผลทำให้ภูมิอากาศค่อนข้างเย็นและมีฝนตกชุกตลอดทั้งปี
UK มีทั้งหมด 4 ฤดูกาล คือ ฤดูใบไม้ผลิ (เดือนมีนาคม ถึง เดือนพฤษภาคม) ฤดูร้อน (เดือนมิถุนายน ถึง เดือนสิงหาคม) ฤดูใบไม้ร่วง (เดือนกันยายน ถึง เดือนพฤศจิกายน) และ ฤดูหนาว (เดือนธันวาคม ถึง เดือนกุมภาพันธ์)
อากาศเป็นหนึ่งในหัวข้อที่คนอังกฤษพูดถึงมากที่สุด และใช้เป็นหัวข้อสนทนากับคนแปลกหน้า เนื่องจากเป็นเรื่องที่แค่เดินออกจากบ้านทุกคนก็จะเจอเหมือนกัน และเป็นหัวข้อที่ง่ายต่อการพูดคุย ไม่ต้องอาศัยการรู้จักกันมาก่อน และไม่ใช่เรื่องส่วนตัวที่ต้องระมัดระวัง
Culture Shock สำหรับน้อง ๆ นักเรียนไทยอย่างเราอาจจะไม่คุ้นเคยกับสภาพอากาศที่หนาวและเปียกชื้นจากฝนตลอดทั้งปี ในฤดูร้อนก็อาจร้อนจัดได้ถึง 40 องศาเซลเซียสเลย และเนื่องจากประเทศอังกฤษมีอากาศหนาวเป็นส่วนใหญ่จึงไม่นิยมติดแอร์ และพัดลมภายในที่พักหรืออาคาร ทำให้เหงื่อไหลเป็นทางได้เลย
ใน 1 วัน น้อง ๆ อาจจะต้องเจอสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง คาดเดาไม่ได้ อีกทั้งในฤดูใบไม้ผลิ เกสรดอกไม้อาจจะคละคลุ้งอยู่ในอากาศ ทำให้น้อง ๆ บางคนมีอาการแพ้ได้ สำหรับน้อง ๆ ที่มีโรคภูมิแพ้อากาศควรเตรียมยาแก้แพ้และยาลดน้ำมูกชนิดที่ไม่ทำให้ง่วงให้พร้อมก่อนเดินทางและหมั่นทำให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ ๆ ที่สำคัญก่อนเดินทางออกจากที่พักควรตรวจสอบพยากรณ์อากาศในแต่ละวันและเตรียมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสม
[ เกร็ดความรู้: คำศัพท์และสำนวนภาษาอังกฤษ ] เกี่ยวกับสภาพอากาศสไตล์ British English
- Breezy = It’s windy.
- Bleak = It’s a cold and dark day.
- A bit nippy = It’s a bit cold.
- Brass monkey = It’s really freezing cold.
- Drizzling = It’s raining lightly.
- It’s just spitting = It’s raining very lightly, not enough to use an umbrella.
- It’s slushy = The snow is melting.
2. อาหาร
แน่นอนว่าเรื่องอาหารการกินเป็นเรื่องใหญ่ และอาหารไทยนั้นแตกต่างกับอาหารอังกฤษมาก อาหารเช้าสุดคลาสสิคของชาวอังกฤษนั้นจะเน้นไปที่ขนมปัง บิสกิต ซีเรียล ไส้กรอก แฮม ไข่ และผักกระป๋อง เพราะเป็นอาหารที่เตรียมง่าย เหมาะกับเวลาเร่งรีบในตอนเช้าและยังราคาถูกอีกด้วย ซึ่งไม่ว่าน้อง ๆ จะอยู่ที่ไหนในอังกฤษก็จะเห็นร้านประเภท Grab and Go ค่อนข้างเยอะ
แน่นอนว่า Culture Shock และความเบื่ออาหารอาจเกิดขึ้นได้ แล้วเราควรจะรับมืออย่างไรดีล่ะ?
สหราชอาณาจักรเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม มีเมืองใหญ่หลาย ๆ เมือง เช่น ลอนดอน แมนเชสเตอร์ เบอร์มิงแฮม และ ลีดส์ เป็นต้น ซึ่งในเมืองเหล่านี้จะมีร้านอาหารและร้านขายวัตถุดิบทำอาหารจากหลากหลายชาติให้เลือกสรร มีร้านอาหารไทยและซูเปอร์มาร์เก็ตของไทย หรือสามารถสั่งกับร้านค้าออนไลน์ให้มาส่งได้ด้วย น้อง ๆ สามารถทำอาหารทานเองและเตรียมไว้สำหรับมื้อต่าง ๆ ใน 1 วันได้ อีกทั้งยังประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย
3. ภาษา
น้อง ๆ ที่เลือกไปเรียนที่ประเทศอังกฤษส่วนใหญ่สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารได้ระดับหนึ่ง ทว่าภาษาอังกฤษ แบบที่เราเรียกกันว่า “British English” นั้น มีความยากที่น้อง ๆ อาจไม่คุ้นชิน ในบางครั้งอาจมีคำเรียก การสะกด และสำเนียงที่แตกต่างจากที่เคยเรียนรู้มา
Culture Shock สำหรับเรื่องภาษาที่น้อง ๆ หลายคนประสบอาจะเป็นเรื่องของคำศัพท์ที่ไม่คุ้นตาและการสะกดคำที่ไม่เหมือนกับที่เคยเรียนมา ซึ่งต้องอาศัยการปรับตัวและเรียนรู้ น้อง ๆ สามารถใช้ตัวช่วยทั้งเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของ English Dictionary ต่าง ๆ ในการค้นหาตัวสะกด ความหมาย และการออกเสียงที่ถูกต้องได้
Please, Excuse me, I’m sorry, Are you okay?
อีกหนึ่งชุดคำศัพท์ที่น้อง ๆ จะได้ยินค่อนข้างบ่อยเมื่อมาเรียนที่อังกฤษ เพราะเป็นคำพูดติดปากเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นบทสนทนาที่ไหนก็มักจะได้ยินคำเหล่านี้เสมอ และที่สำคัญน้อง ๆ ควรเรียนรู้คำเหล่านี้ไว้เพื่อใช้ในบริบทที่เหมาะสม เช่น Excuse me หรือ I’m sorry เพื่อขอทางอย่างสุภาพหรือถามทาง เป็นต้น หรือน้อง ๆ อาจได้ยินอาจารย์หรือเพื่อนที่เป็นคนอังกฤษชอบพูดว่า Are you okay? อาจทำให้เรากังวลว่า เอ๊ะ ถามแบบนี้เราดูไม่โอเคหรือเปล่านะ ทั้ง ๆ ที่เราเองก็ไม่ได้ดูป่วยอะไร หรือ ดูเศร้าแต่อย่างใด แต่พี่ ๆ One Education ขอบอกตรงนี้เลยว่าคำถาม Are you okay? นั้นมีความหมายเหมือนกับคำถาม How are you? เพื่อทักทายหรือถามสารทุกข์สุขดิบเท่านั้นเอง
[ เกร็ดความรู้: คำศัพท์และสำนวนภาษาอังกฤษ ] เกี่ยวกับการทักทายกันที่จะได้ยินบ่อยสไตล์ British English
- Bloody = very
- Alright = How are you?
- I’m pissed = I’m drunk.
- Mate = friend
- Cheers = Thank you
- Loo = toilet
- Cuppa = cup of (tea or coffee)
🟢 สนใจเรียนต่อที่อังกฤษ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสมัครเรียนกับพี่เอม One Education บริการฟรีทุกขั้นตอนครบจบในที่เดียว แอดไลน์เพื่อพูดคุยกับพี่เอมโดยตรงได้ที่ Line ID: 0631754581
4. ลักษณะการเรียนการสอน
น้อง ๆ คนไทยอาจจะไม่คุ้นชินกับลักษณะการเรียนการสอนของอังกฤษ และอาจจะต้องใช้เวลาในการปรับตัวสำหรับเรื่องนี้ ลักษณะการเรียนการสอนที่แตกต่างจากไทย ตัวอย่างเช่น
- Interactive class
ระบบการเรียนการสอนของอังกฤษนั้นจะเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ นอกเหนือจากการที่อาจารย์ให้ความรู้และบรรยายเนื้อหาแล้ว ความเห็น ความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมของผู้เรียนนั้นก็มีความสำคัญมาก คลาสส่วนใหญ่หลังจากที่อาจารย์บรรยายเนื้อหาจบแล้ว น้อง ๆ จะได้ยินอาจารย์ถามเสมอ ๆ ว่า มีคำถามหรือข้อสงสัยตรงไหนหรือไม่ เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนได้แลกเปลี่ยนความเห็นกับอาจารย์และเพื่อนในคลาสโดยเราไม่ต้องกังวลว่า คำถามนั้นจะไร้สาระ หรือ เราจะดูไม่ฉลาดหรือเปล่า ภาษาอังกฤษแย่หรือเปล่า เพราะการเรียนที่อังกฤษนั้นจะไม่มีใครมาตัดสินเรา ซึ่งถือว่าเป็นข้อดีมากกว่าข้อเสียเสียอีกที่น้อง ๆ จะได้เข้าใจเนื้อหาที่เรียน ได้แลกเปลี่ยนความเห็น และเห็นมุมมองจากคนอื่น ๆ
- Time keeping
เรื่องเวลาสำหรับคนอังกฤษนั้นสำคัญมาก ๆ คลาสเรียนจะเริ่มและจบตามเวลา การมาสาย และไม่ตรงต่อเวลา คนอังกฤษนับว่าเป็นการเสียมารยาทเป็นอย่างมาก ดังนั้น น้อง ๆ ควรหมั่นตรวจสอบตารางเรียน อีเมล หรือข้อความแจ้งเตือนหากมีการเปลี่ยนแปลงคลาสหรือการนัดหมาย รวมถึงควรแจ้งอาจารย์ผู้สอนล่วงหน้าหากเราไม่สามารถเข้าเรียนได้
- Student union
นอกเหนือจากการเรียนในห้องเรียนแล้ว มหาวิทยาลัยในอังกฤษจะมี Student Union หรือ สหภาพนักศึกษา ที่ส่งเสริมกิจกรรมอื่น ๆ นอกห้องเรียน เช่น กีฬา ชมรม การหางาน และการช่วยเหลือสังคม เป็นต้น รวมถึงสิทธิของนักเรียน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เมื่ออยู่ที่ไทยน้อง ๆ อาจจะไม่เห็นภาพและมีส่วนร่วมมากนัก แต่ที่อังกฤษจะให้ความสำคัญค่อนข้างมาก
5. มารยาททางสังคม
วัฒนธรรมอื่น ๆ ที่น้อง ๆ อาจจะเจอและกลายเป็นกฎระเบียบทางสังคมที่มักปฏิบัติต่อ ๆ กันมาแต่อาจจะเป็น Culture Shock สำหรับเราได้ เช่น
- วัฒนธรรมการดื่ม
วิธีที่จะทำความคุ้นเคยและเริ่มสนิทกับเพื่อนใหม่แบบอังกฤษ คือ การชวนไปดื่ม “Offering a Cuppa” ซึ่งก็คือการชวนจิบชาแบบชาวอังกฤษนั่นเอง อาจจะเป็น English Breakfast Tea หรือ Earl Grey Tea ก็ย่อมได้ แต่ชาวอังกฤษนั้นไม่ได้ขึ้นชื่อเรื่องการดื่มชาเท่านั้น แต่การดื่มแอลกอฮอล์โดยเฉพาะเบียร์ก็ได้รับความนิยมเช่นกัน
- ไม่พูดตรง ๆ ให้คนฟังตีความเอาเอง
คนอังกฤษมักจะรักษามารยาทและใช้คำพูดทางอ้อม ให้ผู้ฟังตีความเอาเอง ดังนั้นเราจะต้องรู้จัก “Read between the lines” หรือ การตีความจากประโยคของผู้พูด หรือ ถ้าน้อง ๆ ไม่เข้าใจจริง ๆ เราสามารถอธิบายเหตุผลและขอให้ผู้พูดทวนซ้ำได้
- ห้ามแซงคิวเด็ดขาด
เรื่องคิวเป็นเรื่องใหญ่ การแซงคิวโดยเจตนาหรือไม่เจตนาจะเป็นเรื่องที่เสียมารยาทสำหรับคนอังกฤษและรับไม่ได้เป็นอย่างมาก
- Bless you!
เป็นคำพูดติดปากเมื่อได้ยินใครจาม ถ้าน้อง ๆ ได้ยินแต่ไม่พูดก็อาจจะถูกมองว่าเสียมารยาทได้
- เร่งรีบ และ เดินเร็ว
ในเมืองใหญ่ ๆ น้อง ๆ จะเห็นผู้คนเร่งรีบไปทำงานในตอนเช้าและกลับบ้านเวลาเย็น ตามขนส่งสาธารณะมักเต็มไปด้วยผู้คน ชาวอังกฤษมักจะเดินเร็วและเร่งรีบ หากเราเดินช้าเพราะมัวแต่กดโทรศัพท์มือถืออาจจะทำให้โดนขอทางอย่างหงุดหงิดได้
- Pub, club, bar อันไหนกันแน่
น้อง ๆ อาจจะสับสนกับลักษณะของผับ คลับ และบาร์ ในประเทศอังกฤษ เพราะในบางครั้งที่ไทยก็มีลักษณะไม่ต่างกันนัก สำหรับชาวอังกฤษ ผับ (Pub) และบาร์ (Bar) มีความคล้ายกัน มักเป็นร้านอาหารที่มีแอลกอฮอล์บางประเภทขาย เน้นเสิร์ฟอาหารเป็นหลัก เป็นสถานที่ที่คนมาพบปะ พูดคุย และสังสรรค์ได้ทุกวัย ส่วนคลับ (Club) คือร้านสำหรับความบันเทิงยามดึก มีการจำกัดอายุที่เข้าได้ เน้นดื่ม มีดีเจเปิดเพลง มีฟลอร์สำหรับขาแด๊นซ์ และเปิดตลอดคืนยันรุ่งเช้า
ทุกที่มีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว น้อง ๆ จึงควรศึกษาหาข้อมูลเบื้องต้นของประเทศที่จะไปเรียนก่อน แต่ก็อย่าวิตกกังวลมากจนเกินไป ควรเปิดใจเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ ๆ และปรับตัวเข้ากับสังคมที่ไปอยู่ ซึ่งพี่ ๆ One Education มีประสบการณ์การเรียนต่อและพร้อมให้คำปรึกษาเรื่องการเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษทุกแง่มุม
📝 บทความโดย พี่เอม ที่ปรึกษาด้านการศึกษาต่อสหราชอาณาจักรและประเทศออสเตรเลียของ One Education และ เป็นรุ่นพี่ศิษย์เก่าจาก SOAS University of London แอดไลน์เพื่อพูดคุยกับพี่เอมโดยตรงได้ที่ Line ID: 0631754581
สำหรับน้อง ๆ ที่สนใจเรียนต่อที่อังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นเรียนคอร์สภาษาอังกฤษระยะสั้น-ระยะยาว หรือเรียนต่อมหาวิทยาลัยระดับปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก สามารถติดต่อพี่ ๆ One Education ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาต่อสหราชอาณาจักรมา 30 ปี เรายินดีให้คำปรึกษาและบริการทุกขั้นตอน ฟรี!!
Add Line: @one-edu
คลิกกรอกแบบฟอร์ม เพื่อให้พี่ ๆ One Education ติดต่อกลับ
โทรสอบถาม: 02-652-0718
One Education | Study Abroad. Simplified ให้ทุกเรื่องการเรียนต่อต่างประเทศของคุณเป็นเรื่องง่ายครบในที่เดียว
ตามทันทุกข้อมูลการเรียนต่อ UK & Australia
Facebook: One Education
Instagram: oneeducationthailand
Twitter: One Education
YouTube: One Education
บทความล่าสุด
เช็กลิสต์! การเตรียมตัวสมัครเรียนปริญญาโทที่อังกฤษรอบ September Intake 2025 รวมลิสต์! ทุนเรียนต่อออสเตรเลียปี 2025 แนะนำ School of Education and Childhood ที่ UWE Bristol ประกาศสำคัญ! ออสเตรเลียจำกัดโควตารับนักเรียนต่างชาติในปี 2025 แนะนำมหาวิทยาลัยเรียนต่อปริญญาโทสาขาแพทย์ผิวหนัง (Clinical Dermatology) ที่ประเทศอังกฤษหมวดหมู่
เรื่องเล่าจากรุ่นพี่
เคล็ดลับการเรียนต่ออังกฤษ
เคล็ดลับการเรียนต่อออสเตรเลีย
หลักสูตรยอดนิยม
ทุนการศึกษา
โปรโมชั่นเรียนภาษา